xs
xsm
sm
md
lg

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 26

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 26

ท่านทูตปราจิตออกรถพ้นบ้านไปได้ไม่นานนัก รัชนีฉายกระทืบเท้าเร่าๆ พลางกรีดร้องออกมาอย่างอัดอั้นคลั่งแค้นสุดจะประมาณ

“คุณแม่ ดูสิคะคุณแม่ ดูเขาทำกับหนูซี่”
อาลัยตามรัชนีฉายออกมาหน้าประตูเรือน
“ใจเย็นๆ รัชนีฉาย ตีอกชกหัวไปก็ไม่มีประโยชน์”
“หนูเย็นไม่ไหวแล้วค่ะแม่ เห็นไหมคะว่าคุณจิตไม่ปฏิเสธสักคำแต่พูดเลี่ยงไปเลี่ยงมา”
“เฮ้อ จะให้แม่ทำยังไง ถ้ารวบรัดไปแม่ก็ละอายแก่ใจ เหมือนกับพยายามยัดเยียดลูกสาวให้เขา”
“เขาจะทำอย่างนี้กับหนูไม่ได้ หนูไม่ยอมแพ้คุณพี่วตีหรอก”
“ลูกจะทำอะไรรัชนีฉาย”
“หนูจะไม่ยอมให้มีการแต่งงานระหว่างคุณพี่กับนังเด็กนั่น...เด็ดขาด”
อาลัยได้แต่มองบุตรสาวอย่างเหนื่อยใจและไม่สบายใจ

เย็นวันเดียวกัน ปราจิตบอกกับศจีเรื่องงานแต่ง ขณะขับรถไปส่งเธอที่บ้าน
“ถึงจะไม่มีพิธีอย่างเป็นทางการ แต่ฉันจะเชิญเฉพาะแขกในแวดวงที่ติดต่อกันใกล้ชิดเป็นพิเศษ บอกเสียให้รู้ ดีกว่าเอาไปลือกัน”
“เจ้าค่ะ”
“จะให้ฉันไปพูดกับ แม่...เธอบ้างไหม”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ดิฉันจัดการได้”
“เลิกเจ้าค่ะเสียที แล้วก็เลิกใช้คำว่าดิฉันได้ไหม”
“ทำไมเจ้าคะ”
“โธ่...ก็เรา...” หนุ่มใหญ่อายุคราวพ่อนึกกระดากปาก “จะเป็นคนใกล้ชิดกันอยู่แล้ว แล้วเธอเตรียมเก็บของหรือยัง”
“ยังเจ้าค่ะ อีกตั้งสองอาทิตย์”
“ย้ายมาก่อนไม่ดีเหรอ ย้ายวันงานจะฉุกละหุก”
“ดิฉันจะมา เมื่อดิฉันมีสิทธิ์เจ้าค่ะ”
“เธอมีสิทธิ์อยู่เสมอนะศจี”
ปราจิตยื่นมือข้างซ้ายมาจับมือศจีไว้ บีบเบาๆ ให้ความมั่นใจ แต่ศจียังนิ่งอย่างรอคอยเวลา

แกมแก้วรู้เรื่องงานแต่งในตอนเย็น สาวโลกสวยย้อนถามรัชนีฉายอย่างไม่เชื่อหู
“อะไรนะคะ คุณน้าว่าอะไร”
รัชนีฉายพูดออกมาเป็นห้วงๆ อย่างคนจะร้องไห้
“คุณพ่อของลูกแก้ว กำลังจะแต่งงาน กับศจี”
“เป็นไปไม่ได้ คุณแม่เพิ่งจากไปไม่ถึงเดือน”
“แม่ศจีเป็นคนบอกน้าเอง”
“ลูกแก้วจะไปถามคุณพ่อ”
แกมแก้วฮึดฮัดออกไป รัชนีฉายมองตามสะใจ

ขณะที่ปราจิตนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ แกมแก้วเข้ามาหาในนั้นด้วยท่าทางร้อนรนใจ
“คุณพ่อคะ”
ปราจิตเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ
“อ้าว วันนี้ลูกแก้วกลับบ้านแต่วันเลย มีอะไรหรือเปล่าลูก”
“จริงหรือเปล่าคะ ที่ว่าคุณพ่อ จะแต่งงาน”
ปราจิตวางหนังสือลง
“ใครบอกลูก”
“ใครบอกก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญที่ว่าคุณพ่อกำลังจะแต่งงานกับศจี จริงหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีการแต่งงานอะไรทั้งนั้น”
“จริงเหรอคะคุณพ่อ”
“พ่อตอบไปแล้ว ลูกไม่จำเป็นต้องถามย้ำ พ่อไม่รู้ว่าลูกเอาคำพูดใครมาใส่ความพ่อ”
“แต่ว่า...”
“พ่อพอจะเดาออกว่าใคร พ่อไม่อยากให้ลูกถูกคนอื่นจูงจมูก เพื่อมาขัดแย้งใส่ความพ่อแบบนี้ จำไม่ได้เหรอว่าแม่เขาตายยังไง”
ปราจิตลุกเดินปึงปังออกไป แกมแก้วมองตามอย่างรู้สึกผิด

ถัดจากนั้นไม่นานนัก รัชนีฉายร้องออกมาด้วยความดีใจและแปลกใจระคนกัน
“จริงเหรอ ไม่มีการแต่งงาน”
“คุณพ่อยืนยันกับลูกแก้วเองค่ะ”
“งั้นแม่ศจีก็กุเรื่องขึ้นมาเองน่ะสิ”
“ลูกแก้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ว่าใครกุเรื่องขึ้น”
แกมแก้วมองรัชนีฉายด้วยสายตาที่ชวนให้คิดว่ารัชนีฉายเองนั่นแหละ
“ลูกแก้วคงไม่ได้หมายถึงน้าใช่ไหม”
“ตอนนี้ลูกแก้วเหลือแต่คุณพ่อแล้ว ไม่อยากให้ใครมาทำให้ครอบครัวของเราแตกแยกกันอีก”

แกมแก้วเดินออกไปเลย รัชนีฉายสีหน้าหงุดหงิด

สายของวันนี้ ปราจิตอยู่ในห้องทำงานที่กระทรวง กำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนซึ่งเป็นผู้จัดการสายการบินแห่งหนึ่ง

“เฮ้ย จอร์จ ยังมีบัตรเหลือบ้างไหมเที่ยวนี้”
“หมดแล้ว ทำไมไม่บอกล่วงหน้ามาก่อน จะกันไว้ให้”
“ขอเพิ่มอีกสักคนเถอะ จะจ่ายให้หมดทุกอย่าง ทั้งค่าตั๋ว ค่าที่พักเรียกว่าตลอดรายการแหละ แต่ต้องใส่ในบัญชีว่าแขกรับเชิญ”
“เคลมให้ใคร”
“เถอะน่า กันออกค่าที่พัก เที่ยวนี้เชิญกี่อาทิตย์”
“มีสองคณะ รายการนึงอาทิตย์เดียว อีกรายการนึงสองอาทิตย์”
“จัดรายการสองอาทิตย์นะ”
“โอเคจะจัดการให้ บางทีอาจไม่ต้องจ่ายเลย”
“ขอบใจ”
ปราจิตวางสาย ยิ้มพอใจ

ถัดมาปราจิตต่อสายตรงไปยังเพื่อนบรรณาธิการข่าว หนังสือพิมพ์ชื่อดังฉบับหนึ่ง
“ช่วยลงข่าวสังคมทีนะสมาน ยัยรัชนีฉายจะไปเปิดสายการบินของเจ้าจอร์จ”
“ไล่เข้าป่า” สมานว่า
“เออ ช่วยตีปีกให้ดังๆ หน่อย”
“ได้ ไม่มีปัญหา งานถนัดเพื่อน”
ปราจิตยิ้มกระหยิ่ม

ตอนกลางวัน ในอีกหลายวันต่อมา รัชนีฉายถือจดหมายเชิญเข้ามาในบ้าน สีหน้าปลื้มปริ่มยิ้มย่อง
“แม่ขา แม่...”
อาลัยวางมือจากการพับผ้าอาบน้ำฝน เงยหน้าขึ้นมองรัชนีฉาย
“หวังว่าคราวนี้จะเป็นเรื่องดีนะ”
“ดีแน่ๆ ค่ะแม่” รัชนีฉายชูจดหมายให้ดู “หนูได้ตั๋วเชิญจากสายการบินให้ไปเที่ยวตั้งสองอาทิตย์”
อาลัยเหลือบตามองจดหมายนิดเดียว
“ไปกับใครเหรอ”
รัชนีฉายยิ้มภาคภูมิใจ “มีทั้งท่านอธิบดี คุณหญิง ท่านผู้บัญชาการ บินเที่ยวเดียวกับหนูทั้งนั้น แม่ว่าหนูควรไปไหมคะ”
“อยากไปก็ไปสิ”
“หนูก็คิดว่า จะไปสักพัก ให้เรื่องมันเงียบๆ เสียบ้าง แล้วบางที ห่างกันไปแล้วความคิดถึงอาจจะทำให้คุณพี่คิดได้”
รัชนีฉายมีสีหน้าเพ้อฝัน อาลัยมองอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ก็ไม่อยากขัดความสุขลูก

เช้าวันนี้ สิทธิ์หิ้วกระเป๋าเดินทางออกมาใส่กระโปรงหลังรถ ปราจิตเดินออกมาส่งรัชนีฉาย
“เสียดายที่ไปด้วยไม่ได้ ช่วงนี้งานที่กระทรวงมากจริงๆ”
“น้องคงไม่เหงาหรอกค่ะ มีคนคุ้นเคยกันไปเยอะแยะ”
“งั้นเธอคงได้เที่ยวสนุก ตอนนี้อากาศกำลังดีด้วย”
“น้องจะเที่ยวเผื่อนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยค่ะ”
สิทธิ์เปิดประตูรถให้ ปราจิตส่งรัชนีฉายขึ้นรถ สิทธิ์ปิดประตูแล้วอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ
รัชนีฉายหันมาโบกมือและส่งจูบให้ปราจิตอย่างเริงร่า
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป ปราจิตมองตาม พรายยิ้มอย่างพอใจ

เย็นนั้นแกมแก้วกลับมาจากมหาวิทยาลัย เห็นวรรณกำลังคุมคนงานจัดไฟและตกแต่งสนามหญ้าอยู่
“คืนนี้เราจะมีงานอะไรกันเหรอคะป้าวรรณ”
วรรณอึกอัก ไม่อยากตอบ
“งานเลี้ยงท่านทูตเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“เอ๊ะ แล้วงานอะไรละคะ ตกแต่งสวยเชียว”

วรรณมองหน้าแกมแก้วอย่างตัดสินใจ

อ่านต่อหน้า 2

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 26 (ต่อ)

แกมแก้วรีบรุดเข้ามาหาชีวินในห้องทานอาหาร ด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง

“พี่วินรู้เรื่องคุณพ่อจะแต่งงานแล้วใช่ไหมคะ”
ชีวินหน้าเครียด “รู้แล้ว”
“คุณพ่อหลอกลูกแก้วว่าจะไม่มีการแต่งงาน”
“ท่านมีวิธีเลี่ยงได้เสมอ”
“คุณพ่อใจร้ายเหลือเกิน ทำไมต้องโกหกลูกด้วย เราไปคุยกับคุณพ่อกันนะคะพี่วิน”
“พี่ไม่อยากยุ่ง”
“ไม่ว่าจะเป็นพิธีแต่งงานหรือแค่งานเลี้ยง เราจะไม่ทำอะไรเลย จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นตามใจคุณพ่องั้นเหรอคะ”
“เราจะทำอะไรได้ ในเมื่อ ยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย”
แกมแก้วฉุน “ทำไมพี่วินไม่รู้สึกอะไรเลย”
ชีวินกลืนน้ำลายลงคออย่างขมขื่น กัดฟันกรอด เปล่งเสียงออกมาอย่างยากเย็น
“ทำไมจะไม่รู้สึก”
แกมแก้วอึ้งไป พอมองหน้าชีวินก็รู้ว่ามีอะไรบางอย่างลึกลงไปในใจ
“พี่วิน เรายังพอมีเวลานะคะ อย่างน้อยก็ทำเพื่อ คุณแม่ วิญญาณของท่าน คงไม่สบายใจ เราต้องทำอะไรสักอย่าง”
ชีวินถอนใจยาวระบายความอึดอัด
“พี่จะทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน”
ชีวินโอบปลอบน้องสาว ในใจครุ่นคิดหาทางออก

รุ่งเช้า อาลัยตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง กว่าจะถอนใจอย่างยืดยาว จนกระทั่งชีวินถามขึ้น
“คุณยายจะว่ายังไงครับ”
“จะว่ายังไง ใครจะว่ายังไงคุณพ่อวินได้”
“คุณน้าคงไม่ทราบ”
“อ๋อ แน่ ทางนี้เขาเข้าใจจัดการกันหรอก รายโน้นมัวแต่ไปเต้นอยู่ประเทศไหนก็ไม่รู้”
“คุณยายจะไม่พูดกับคุณพ่อเหรอครับ”
“พูดทำไม ผมสองสีด้วยกันแล้ว อะไรๆ ก็รู้อยู่แก่ใจ ยายไม่ยุ่งกับเขาหรอกให้เขาจัดการกันเอง”
ชีวินถอนใจอย่างหมดหวัง

ทางฝ่ายแกมแก้วน้ำตาไหลพราก เสียงดังใส่บิดา ทั้งเสียใจและน้อยใจ
“คุณพ่อหลอกลูกแก้ว หลอกคุณน้ารัชนีฉาย ว่าจะไม่มีการแต่งงาน”
“พ่อไม่ได้หลอกใคร”
“ไม่ได้หลอกเหรอคะ คุณพ่อใช้วิธีเลี่ยงคำพูด ให้ลูกแก้วกับคุณน้าตายใจตอนนี้คุณน้าก็ยังเที่ยวอยู่ยุโรป ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ทำไมคุณพ่อถึงใจร้ายนัก ทำร้ายพวกเราไม่พอ ยังทำร้ายคุณแม่อีกด้วย”
ปราจิตโมโห “หยุดเดี๋ยวนี้นะลูกแก้ว ถ้าจะมีอะไรที่ช่วยให้ลูกสบายใจขึ้น พ่อก็บอกได้เพียงว่า คุณแม่ของลูกมีส่วนในการจัดการเรื่องนี้ด้วย เพราะฉะนั้น แม่ของลูกไม่เสียใจแน่”
แกมแก้วนึกไม่ถึง อึ้งไปเลย แต่แล้วก็ส่ายหน้าอย่างคนไม่ยอมรับความจริง
“คุณพ่ออย่าเอาคุณแม่มาอ้าง คุณแม่จะทำไปเพื่ออะไรคะ”
“คุณแม่ของลูกมีเหตุผลที่ดีเสมอ”
“ลูกแก้วไม่เชื่อหรอกค่ะ ไม่เชื่อคุณพ่ออีกแล้ว”
“จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ มันคือความจริงที่พ่อกับแม่เคยคุยกันเรื่องนี้แล้ว”
แกมแก้วส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้
“ลูกแก้วจะไปค่ายอาสาพัฒนา”
“ถ้าลูกแก้วไปเพราะอยากทำประโยชน์บ้างก็จงไป แต่ถ้าไปเพราะแค่อยากประชดพ่อละก็ อย่าไปดีกว่า ชีวิตอย่างนั้นไม่ใช่ของสนุก”

แกมแก้วสะบัดหน้าออกไป ปราจิตถอนใจยาว

แกมแก้วหอบน้ำตานองใบหน้ามาถึงมหาวิทยาลัยระบายความคับแค้นกับสุพรรณ

“พี่พรรณ คุณพ่อจะแต่งงานกับแม่นั่น”
“ใครนะ” สุพรรณตัวชา
“จี...”
สุพรรณอึ้งไปชั่วครู่ แต่แล้วริมฝีปากก็ฉายรอยยิ้มเหยียด
“ก็แล้วไง”
แกมแก้วเขย่าแขนสุพรรณ
“โธ่ พี่พรรณ ใครจะทนได้”
สุพรรณกระแทกเสียงอย่างดุดันผิดปกติ
“ทำไมจะต้องทน เขาอยู่ส่วนเขาเราอยู่ส่วนเรา ทางชีวิตของใครของมัน”
“พี่พรรณ จีเขาต้องมาเป็นแม่เลี้ยงแก้ว อยู่บ้านเดียวกัน เห็นหน้ากัน”
“คนอยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากัน กินข้าวด้วยกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องใส่ใจกันด้วย”
สุพรรณเผลอตัวบีบหัวไหล่แกมแก้ว จนอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ แต่เธอกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดที่ดูเหมือนสุพรรณจะเป็นพวกเธอ
“ช่างเขาเถอะ พยายามเรียนหนังสือเข้า มีอะไร มาบอกพี่”
แกมแก้วมองสุพรรณอย่างซาบซึ้งใจ

ชีวินยกมือไหว้ลาอาลัย
“ผมลาละครับคุณยาย”
“ไปดีมาดีลูก แล้วนี่เมื่อไรจะแต่งงาน”
“ผมยังไม่คิดเรื่องนั้นครับ”
“กับสิริกันยาล่ะ”
“ผมมองเขาเป็นแค่น้องสาวครับ”
“มีคนอื่นอยู่หรือเปล่า”
ชีวินอึกอัก หลบตาวูบ ก่อนจะตัดสินใจตอบออกไป
“ไม่มีหรอกครับ ผมคิดว่าจะไปเรียนต่อก่อน”
“เรียนเอกน่ะรึ”
“ครับคุณยาย”
“จะหนีอะไรหรือเปล่า”
ชีวินถอนใจ “ก็มีส่วนครับ”
“ถ้าเป็นเรื่องของคุณพ่อ ถึงยังไงวินก็หนีไม่พ้นหรอก แต่ถ้าหนีคนอื่นละก็ขอให้วินคิดดีๆ ว่าจะหนีใจตัวเองพ้นหรือเปล่า”
ชีวินอึ้งไปนิดหนึ่ง
“ครับคุณยาย”

แววตาของชีวินหมองเศร้า อาลัยมองเห็น รู้สึกได้ว่าชีวินต้องมีอะไรบางอย่างในใจ

อ่านต่อหน้า 3

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 26 (ต่อ)

อาลัยกลับเข้ามาในห้องโถงบ้าน นั่งลงสีหน้าครุ่นคิดตรึกตรองอะไรบางอย่าง สักพักก็ตัดสินใจหยิบแว่นมาสวม แล้วหยิบสมุดโทรศัพท์มาเปิดดู หมุนโทรศัพท์ไปหาใครบางคน

“สวัสดีค่ะ สำนักงานการบินหรือคะ...ดิฉันอยากทราบว่าคณะทัวร์ยุโรปของท่านอธิบดีกำลังอยู่ประเทศไหนคะ”

จอร์จอยู่ในห้องทำงานที่บริษัท ยกหูขึ้นโทร.หาปราจิต หลังลูกน้องรายงานเรื่องอาลัยโทร.มาเช็ค
“เฮ้ ปราจิต แม่ของผู้หญิงคนที่ให้ส่งบัตรเชิญไป เขาสอบถามเส้นทางทัวร์มาทางสำนักงาน ทางนี้บอกไปแล้วนะ แต่คนละคณะ ถ้ามีโทรเลขหรือจดหมายไปคงจะไม่ถึง ถ้าต่อว่ามา เราก็แก้ตัวว่า เกิดความเข้าใจผิดกันขึ้น”
ปราจิตฟังอยู่อย่างพอใจ
“ดีมาก”
สีหน้าปราจิตกระหยิ่มยิ้มย่อง ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดี

เช้าวันนี้ ศจีบอกกับจุก ขณะเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“ฉันจะไปอยู่บ้านโน้น”
จุกเฝ้ามองดูศจี ด้วยสายตาแสดงความสงสัยชัดแจ้ง
“จีจะไปจริงๆ เรอะ”
ศจีถอนใจยาวอย่างเบื่อหน่าย แต่อีกกึ่งหนึ่งก็เสียใจขึ้นมาเหมือนกัน ที่ต้องจากบ้านซึ่งอยู่มาแต่อ้อนแต่ออก
“ฉันบอกแม่หลายครั้งแล้ว”
“แล้วแม่จะอยู่กับใคร”
“ก็คนที่ฉันจ้างมาไงแม่ คราวนี้แม่ไม่ต้องซักผ้าหุงข้าวถูกบ้านแล้วนะคนที่จ้างมาเขาจะทำให้หมด”
“งั้นให้แม่ทำอะไร”
“แม่แก่แล้วอยู่เฉยๆ เถอะ ฉันจะเอาเงินมาให้แม่ทุกเดือน สวนแม่ก็ไม่ต้องลงไปทำ ฉันจะให้ยายไหวเขาถือ แม่เก็บเงินใช้ให้สบาย”
“คนเรานั่งเฉยๆ ได้ยังไง” จุกแย้งอีก
“งานสวนมันงานหนัก เลิกเถอะแม่”
“จีจะไปนานไหม”
“อาจจะนาน หรือ ไม่นาน”
จุกยิ่งมองอย่างสงสัย ถามศจีอย่างห่วงใย
“จีเอาเงินไปใช้บ้างไหมลูก”
น้ำเสียงห่วงหาอาทรของจุกทำให้ศจีตื้อขึ้นมาในอก
“อย่าเลย แม่เอาไว้เถอะ ฉันมี”
“เขาให้เงินจีเยอะไหม”
ศจีพูดแทบเป็นตวาด “เลิกถามทีเถอะแม่”
จากนั้นศจีลุกหนีไปเปิดตู้เสื้อผ้า จุกกุลีกุจอเข้าไปช่วย

รัชนีฉายเข้ามาในบ้าน ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกกึ่งรำคาญ
“แม่โทรเลขไปเรียกตัวหนูกลับมามีอะไรคะ ใครเป็นอะไร”
“พ่อยอดชายเขาจะแต่งงานวันนี้”
รัชนีฉายงง “คะ”
“นายปราจิตเขาจะแต่งงานกับแม่ศจีวันนี้”
รัชนีฉายอึ้งไป “แม่แน่ใจเหรอคะ”
“ไม่รู้แน่จะโทรเลขเรียกมาเหรอ”
รัชนีฉายหันกลับออกไปทันทีอย่างร้อนรุ่มในใจ

ศจีหิ้วกระเป๋าลงมาวางบนแคร่หน้าเรือน แล้วเหลียวมองดูรอบๆ บ้านซึ่งมีสภาพทรุดโทรมแล้วหันมามองจุก ซึ่งบัดนี้มีสภาพพอๆ กับบ้าน
“แม่”
ศจีอยากพูดอะไรสักอย่าง ที่แสดงถึงความห่วงอาลัยฉันแม่ลูกบ้าง แต่ความที่ไม่คุ้นเคยกันทำให้พูดไม่ออก
“พอได้เงินมากๆ แล้วจีจะกลับใช่ไหม”
ศจีหยุดคิดเหมือนกันว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ จุกจึงถามซ้ำ
“จีจะได้เงินมากไหม”
ศจีตอบอย่างหงุดหงิด
“ฉันไม่ได้คิดเรื่องเงินหรอกแม่”
“อ้าว ทำไมไม่ตกลงกะเขาไว้ก่อน สมัยแม่ใครมาขึ้นห้อง”
ศจีโกรธ ตวาดแว้ด “แม่หยุดทีได้ไหม”
จุกหยุดทันควัน ทีท่าเปลี่ยนเป็นงกเงิ่น
“ใช่ ใช่ พ่อจีเขาก็ไม่อยากให้พูด อย่าเอะอะไปนะ เขาได้ยินเขาจะโกรธ”
ศจีมองแม่อย่างกึ่งเวทนา กึ่งรำคาญ
“ถ้าแม่กลัวพ่อได้ยิน ก็อย่าพูด พ่อมีแต่วิญญาณ เพราะฉะนั้นพ่อจะไปไหนมาไหนก็ได้”
จุกชะงัก มองไปรอบๆ
“จีจะไปเมื่อไหร่”
ศจีหยุดดูนาฬิกา พอจะไปจริงๆ ก็ให้รู้สึกใจหายนิดๆ
“เดี๋ยวถึงจะไป”
“แม่จะไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกแม่”
“กระเป๋ามันใหญ่ ของก็เยอะ จีหิ้วไม่ไหวหรอก”
“แล้วแม่หิ้วไหวเหรอ”
จุกยิ้มกว้างแทนคำตอบ

“ไหว แม่เคยหิ้วกล้วยทั้งเครือ”

จุกกึ่งหิ้วกึ่งลากกระเป๋าใบใหญ่จนตัวเอียง ตามศจีที่หอบหนังสือตั้งใหญ่เดินนำไป ท่ามกลางสายตาของผู้คนในตรอกที่มองมาและร้องทักกันเกรียวกราว ชาวบ้าน 1 ทักถามขึ้นว่า

“นั่นจะไปไหนวะจุก”
“จี เขาจะไปอยู่บ้านโน้น”
จุกยิ้มกว้างขวางภาคภูมิ บุ้ยใบ้ไปข้างหน้า โดยไม่รู้ว่าบ้านไหน
ชาวบ้าน 2 ถาม “อ้าว จะย้ายบ้านเรอะ”
ศจีหันมายังไม่ทันเอ่ยห้ามปราม จุกก็พูดขึ้นเสียก่อน
“เขาจะไปอยู่บ้านผัว”
ศจีถึงกับหน้าแดง คนฟังก็อ้าปากค้าง
“ไหน...ว่าอะไรนะ” ชาวบ้าน 3 งง
ศจีเอ็ดจุก “แม่! เลิกพูดที”
จุกหุบปาก เลิกยิ้ม ก้มหน้าก้มตากึ่งหิ้วกึ่งลากกระเป๋าต่อไป
พอพ้นสายตาศจี ชาวบ้านก็สุมหัวซุบซิบนินทา
“นึกแล้ว ว่าไม่ช้าก็มีผัว” ชาวบ้าน 3 ว่า
ชาวบ้าน 4 บอกอย่างหมั่นไส้ “แต่งตัวแด๊ะๆ ทำสาวยังงี้ มันจะไปได้สักกี่น้ำ”
ชาวบ้าน 1 เสริม “คงหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ด้วยกันเฉยๆ ละสิ”
ชาวบ้าน 2 ว่า “คงจะท้องแล้วละมั้ง เลยหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กะผู้ชาย”
ชาวบ้าน 5 คะนองปาก บอกว่า “ก็คงจะไม่ใช่คนดิบคนดีหรอก ถึงไม่ได้ตบได้แต่งกัน”
ชาวบ้าน 6 บอก “เชื้อไม่ทิ้งแถว”
ชาวบ้าน 3 “เขาว่านังจุกมันก็ลูกอีพวกนั้นในบ้านยายปริกนั่นแหละ”
ชาวบ้านเข้ามาล้อมวงสุมหัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างสนุกและคะนองปาก

อู๊ดวิ่งเข้ามาหายายปริกในซ่องด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นสุดขีด
“แม่ๆ”
“อะไรนังอู๊ด เดี๋ยวก็ได้กลิ้งโค่โล่หรอก”
“ศจีมันหนีตามผู้ชายไปแล้วแม่”
ยายปริกตาปลิ้น “หา...ว่าไงนะ”
อู๊ดตะโกน “ชาวบ้านเขาลือกันให้แซด ว่ามันหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามผู้ชายเพราะท้องก่อนแต่ง ได้ยินไหมแม่”
“ได้ยินแล้วโว้ย จะตะโกนให้ขายขี้หน้าอีกทำไมวะนังอู๊ด”
“อ้าว ก็แม่ถามเหมือนไม่ได้ยิน”
“ข้าตกใจตะหากวะ นังจุก อีจุกอยู่ไหนวะ ไปตามมันมาที ไปตามมันมาเดี๋ยวนี้”

อู๊ดรีบวิ่งออกไปแทบไม่ทัน ยายปริกนั่งลงเหนื่อยหอบ

อ่านต่อหน้า 4

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 26 (ต่อ)

จุกวางกระเป๋าลงหน้าปากซอย พลางหอบแฮ่กๆ แต่ยังอุตส่าห์เหลียวซ้ายแลขวา

“จะเอาแต๊กซี่หรือตุ๊กๆ”
“ไม่ต้องหรอกแม่ เดี๋ยวรถจะมารับ แม่เข้าบ้านเถอะ”
“กลับพรุ่งนี้ใช่ไหม”
ศจีถอนใจยืดยาว คร้านจะอธิบายอีก
“เอาเถอะแม่ ฉันกลับมาเมื่อไหร่แม่รู้เอง”
“แม่จะคอย”
จุกมองศจีอย่างโหยหาลึกซึ้ง ท่ามกลางความทรงจำอันสับสน แต่ศจีไม่ทันสังเกตหรือรู้ซึ้งถึงความหมายในคำพูดนั้น ศจีมองไปที่ถนนซึ่งรถเข้ามาจอดเทียบเสียก่อน
สิทธิ์เปิดประตูลงมาถามด้วยทีท่าสุภาพ
“มีของเท่านี้เหรอครับ”
ศจีสะอึกไปนิดหนึ่งกับคำถาม เพราะมันเหมือนกับว่าศจีแทบจะเข้าไปแต่ตัว
“ใช่”
สิทธิ์เข้ามาหิ้วกระเป๋าไปเก็บท้ายรถ แล้วเปิดประตูด้านหลังให้ศจีอย่างสุภาพ
ศจีทำท่าจะก้าวขึ้นรถ แต่จุกขยับเข้ามาเกาะประตูไว้มั่น
“จะกลับเมื่อไหร่”
“เข้าบ้านเถอะ...เอ้อ...” ศจีเกือบหลุดคำว่า “แม่” ออกมา “ว่างๆ จะมา”
จุกค่อยๆ ปล่อยมือจากประตูอย่างอ้อยอิ่ง

พอศจีจะขึ้นรถอีกที ก็มีรถอีกคันมาจอดต่อท้าย นั่นทำให้เธอชะงักหันไปมอง
สุพรรณโผล่หน้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างคนกินดีอยู่ดีขึ้น ริมฝีปากยิ้มหยัน
“จะไปแล้วเหรอ”
ศจีขมวดคิ้วนิดๆ แต่แล้วก็ยืดตัวเป็นสง่าพยักหน้าด้วยท่าทางภูมิใจ
“ขับรถเก่งแล้วนี่”
สุพรรณหัวเราะน้ำเสียงขื่นขม “เราจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเหมือนๆ กันไม่ใช่เหรอเป็นอันว่าคนถิ่นเดียวกัน โชคดีทั้งคู่”
พูดจบสุพรรณก็ถอยรถพรืด แล้วตีพวงมาลัยจนเสียงล้อรถเบียดถนนดังสนั่น ก่อนพุ่งปราดหายไป
จุกหน้านิ่ว จำได้ว่าเป็นสุพรรณที่เคยมาติดพันศจี
“เอ๊ะ นั่นมัน”
ศจีไม่รอให้จุกพูดต่อ รีบก้าวขึ้นรถไปนั่งตัวตรงสง่า
จุกมองตามรถคันใหญ่ที่เคลื่อนผ่านไป ด้วยความหวังว่า สักวันศจีจะกลับมาตามสัญญา

ยายปริกถามจุกทันทีที่เจอหน้า
“ข้าได้ข่าวว่านังจีมันหนีตามผู้ชายไปแล้วเรอะ”
“เปล่าหนีนะแม่ ฉันไปส่งมันที่รถกับตัวเอง”
“เอ็งเห็นผัวมันด้วยเหรอ”
“ไม่เห็นหรอก แต่เขาส่งรถคันโตมารับ โก้เชียว”
“แล้วเอ็งก็ปล่อยให้นังจีไปง่ายๆ”
“จีบอกว่าว่างๆ มันจะกลับมา”
“โอ๊ย มันคงกลับมาตอนโดนผัวทิ้งน่ะสิ เอ็งเสียรู้ไอ้พวกเศรษฐีมันแล้ว นี่เอ็งยกลูกสาวให้เขาฟีๆ ไม่ได้ตังค์สักแดง ขาดทุน ขาดทุนป่นปี้หมด”
“ฉันไม่ได้ขายลูกกินนี่แม่ แล้วจีมันก็สมัครใจไปเอง”
“ไม่ได้ขาย เออ ใช่ แต่ยอมให้หลอกกินฟี อกอีปริกจะแตก ข้าไม่รู้จะพูดกับเอ็งยังไงแล้ว ปวดกะโหลก”

จุกมีสีหน้างุนงง ส่วนยายปริกนั่งกุมขมับ หมดหวังกับจุก

แกมแก้วนั่งมาในรถที่สุพรรณเป็นคนขับ สาวเจ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นมาตลอดทาง

“วันนี้เขาสองคนแต่งงานกัน เป็นงานเล็กๆ ที่เชิญแขกไม่กี่คน ลูกแก้วเลยต้องหลอกคุณพ่อว่าจะไปออกค่ายอาสา”
สุพรรณนั่งฟังอย่างพยายามอดกลั้น
“พอแต่งแล้วคุณพ่อจะให้แม่นั่นมาอยู่ที่บ้าน”
สุพรรณเอ็ดตะโรเสียงเขียว กระแทกเบรกอย่างแรง
“เลิกพูดทีได้ไหม”
สีหน้าของแกมแก้วสลดลง สุพรรณหันมาเห็นจึงได้สติ ลดเสียงลง
“พูดแล้ว ลูกแก้วก็ไม่สบายใจ เราจะพูดไปทำไม พี่อยากให้ลูกแก้วสบายใจมากกว่า”
แกมแก้วพยายามกลั้นน้ำตา
“ค่ะพี่พรรณ”
สุพรรณยกมือขึ้นลูบผมของแกมแก้วอย่างปลอบโยน
“ไปกินข้าว แล้วไปหาที่คุยกันสนุกๆ ดีกว่า นะครับคนดี”
แกมแก้วพยักหน้า สุพรรณออกรถไป

รถที่ไปรับศจีแล่นมาจอดหน้าตึกใหญ่
ศจีนั่งวางท่างามสง่าอยู่บนรถ รอให้สิทธิ์ลงมาเปิดประตูรถให้ พอสิทธิ์ลงมาเปิดประตูรถให้ ศจีก้าวลงจากรถช้าๆ ด้วยท่วงท่าอย่างคุณหญิง แต่แล้วศจีก็ชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นใครบางคนที่หน้าตึก
รัชนีฉายมายืนรออยู่แล้ว สีหน้าถมึงทึง ศจียิ้มทักใจเย็น ถามออกไปเหมือนเจ้าบ้านถามแขก
“มานานแล้วเหรอคะ”
รัชนีฉายพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มกำลัง พูดเหมือนผู้ใหญ่พูดกับเด็ก
“ขึ้นมาก่อนสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
รัชนีฉายหันกลับด้วยท่าทางเหมือนแน่ใจว่า ศจีจะต้องเดินตามมา แต่แล้วศจีกลับหันไปสั่งคนขับรถ
“เดี๋ยวให้ใครหลังบ้านขนกระเป๋าขึ้นไปไว้ในห้องขาวด้วย”
สิทธิ์ถึงกับตาค้างที่รู้ว่า วันนี้ศจีจะมาแทนที่คุณหญิงอรุณวตีแน่นอนแล้ว รีบก้มหน้ารับคำแล้วออกไปทันที

ศจีเดินขึ้นบันไดไปช้าๆ ท่วงท่าสง่างามราวนางพญา ด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อย่างเต็มภาคภูมิ

อ่านต่อตอนที่ 27
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 25
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 25
แกมแก้ววิ่งหุนหันออกมาทั้งน้ำตา จนเกือบจะชนวรรณที่เดินผ่านมาหน้าห้อง “อะไรคะคุณลูกแก้ว” แกมแก้วไม่ตอบ แต่วิ่งขึ้นบันไดไป ป้าวรรณมองตามอย่างรู้สึกมีสิ่งผิดปกติ แล้วมองเข้าไปในห้อง ปราจิตหันมาพูดกับศจี “เผอิญประตูปิดไม่สนิทถึงได้ยินเข้า เสียใจด้วยที่แกมาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด” ศจีหมุนกระดาษออกจากแท่นพิมพ์อย่างมั่นคงเชื่องช้า ราวกับจะเตือนสติตนเอง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เธอควรมีสิทธิ์ถามในสิ่งที่เธอข้องใจ” “การถามกับการกล่าวหา ไม่เหมือนกัน” ปราจิตทำท่าจะหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อรุณวตีเคยนั่ง ศจีเอ่ยขึ้น “ขอโทษเจ้าค่ะ เอ้อ...เก้าอี้ตัวนี้คุณหญิงท่านเคยนั่งเป็นประธานดิฉันไม่อยากเห็นใครนั่งแทนที่”
กำลังโหลดความคิดเห็น