xs
xsm
sm
md
lg

เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 2

นาคินทร์หมุนเก้าอี้กลับมาอย่างแรง

"แล้วไง? มีปัญหาอะไร?”
นัครินทร์ทำฟอร์มตบโต๊ะด้วยความกลัดกลุ้ม
"มีสิฮะ ทำไมจะไม่มี สายจนป่านนี้แล้ว ยัยเลขาแหนมป้าย่นของพี่คินทร์ยังไม่โผล่หน้ามาทำงานเลย" นัครินทร์มั่วนิ่ม "ไม่เอาแล้วฮะ บุคลากรไม่พร้อมแบบนี้ จะให้ผมทำงานได้ไง?? ไว้พร้อมเมื่อไหร่ผมค่อยเข้าบริษัทอีกทีแล้วกัน ผมมีธุระด่วน"
นัครินทร์พูดจบก็จะชิ่งทันที
"ไม่ต้องเลยไอ้กะล่อน" นาคินทร์ดักคอ
นัครินทร์ที่กำลังม้วนตัวชะงักกึกทำหน้าเซ็ง
"ฉันจัดการธุระด่วนของแกให้เรียบร้อยแล้ว"
"เฮ้ย!! พี่คินทร์"
นัครินทร์ตกใจ รีบวิ่งไปเปิดม่านดูก็เห็นโดนัท กำลังโดนรปภ.หิ้วปีกลากออกไป
นัครินทร์วิ่งมาหานาคินทร์ "ไม่นะพี่คินทร์!! พี่คินทร์ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ"
"ทำไมฉันจะทำไม่ได้" นาคินทร์ว่า
นัครินทร์หลุดปาก "ก็น้องโดนัทอึ๋มมาก เอ๊ย!! ไม่ใช่...ก็..โธ่เว๊ย..ก็ผมเพิ่งรู้จักน้องโดนัทเมื่อคืนนี้เองอ่ะพี่"
"ก็ช่างแก แต่ตอนนี้คนที่แกควรจะต้องรู้จักมากกว่าใคร ก็คือ..เลขาฯคนใหม่ของแก"
"ยัยแหนมป้าย่นนั่นน่ะ? น่ารู้จักตรงไหนพี่?? แล้วดูดิ๊ป่านนี้ยังไม่โผล่มาเลย" นัครินทร์บอก
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ประกายเดือนเปิดผลัวะเข้ามาในลักษณะออร่ากระจาย นัครินทร์หันขวับมาทำตาโต
"อ้าว..คุณ?”
ประกายเดือนมองเหม็นๆ ก่อนจะพูดกับนาคินทร์ "ท่านประธานฯ เรียกดิฉัน มีอะไรให้รับใช้คะ?”
"เข้ามาก่อนสิ" นาคินทร์บอก
ประกายเดือนเดินเข้ามา นัครินทร์มองไม่คลาดสายตา
"พนักงานใหม่ พี่คินทร์รู้จักด้วยเหรอฮะ โห..ทีเงี๊ยไม่เอามาเป็นเลขาฯผม ไปเอายัยป้าแก่อ้วนดำแหนมป้าย่นมาให้ผมทำไมก็ไม่รู้"
ประกายเดือนสะดุ้งก่อนจะหันขวับไปมองนัครินทร์แล้วหันกลับมามองนาคินทร์ทันที
"นี่หมายความว่า...”
นาคินทร์อมยิ้ม
นัครินทร์สวนทันที "ก็หมายความว่า ยัยแหนมป้าย่นที่ผมเล่าให้คุณฟังในลิฟท์ไงฮะ" นัครินทร์เสียดสี "ท่านประธานฯ ของคุณนี่แหละเป็นคนเลือกมาให้ผม โอยๆ ให้ผมตายซะดีกว่าที่จะต้องมีเลขาฯเป็นยัยแหนมป้าย่น"
ประกายเดือนพึมพำกับชะตากรรมที่เธอต้องเจอ "ฉันอยากตายกว่าคุณอีก"
นัครินทร์ได้ยินไม่ถนัด "ว่าไงนะฮะ?" นัครินทร์ไม่ฟังคำตอบ เขาตัดสินใจลุยนาคินทร์ทันที "พี่คินทร์ฮะ ผมขอบอกพี่คำเดียว จนป่านนี้ยัยป้านั่นยังไม่โผล่หัวมาเลย เพราะฉนั้น ผมขอใช้สิทธิ์ของท่านรองประธานฯ ไล่ยัยป้านั่นออก" นัครินทร์หันไปมองประกายเดือนตาวิบวับ ก่อนจะพูดเสียงหวาน "เพราะผมคิดว่าผมได้เลขาฯใหม่แล้ว"
ประกายเดือนอยากจะกัดลิ้นตาย
นาคินทร์อมยิ้มน้อยๆ "ใครบอกว่าเขายังไม่มาทำงาน?”
"งั้นไหนล่ะฮะ..ยัยแหนมป้าย่น?” นัครินทร์ถาม
นาคินทร์พูดกับประกายเดือน "คุณเดือนครับ ผมขอแนะนำให้รู้จัก นัครินทร์ น้องชายผม คนที่คุณจะต้องทำงานให้"
ประกายเดือนทำหน้าเหมือนอยากตาย
นัครินทร์ตาโต "เฮ้ย!! พี่คินทร์..อย่าบอกนะว่า...”
"นัค..คุณประกายเดือน พันภพ เลขาฯคนใหม่ของนาย"
“Yes!! Yes!! Yes!!" นครินทร์ทำท่าดีใจสุดๆ
ประกายเดือนกรอกตาพลางคิดในใจว่าเวรกรรมของตรู
"ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการฮะ..คุณ..อะไรนะ?”
ประกายเดือนรู้สึกแหวะแต่ก็ตอบ "ประกายเดือนค่ะ" ประกายเดือนจำใจยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ..ท่านรองประธานฯ"
นัครินทร์ปราดไปกุมมือ "ไม่ต้องๆ..กันเองฮะ"
ประกายเดือนรีบดึงมือกลับ นาคินทร์มองยิ้มๆ ด้วยแววตาแอบพอใจ
"เรียกผมว่าคุณนัคก็พอ ไม่ต้องท่านรงท่านรอง - - มันดูเครียด ดูห่างเหิน" นัครินทร์ทำตาวิบวับ
ประกายเดือนพึมพำ "ห่างๆ หน่อยก็ดี"
"ว่าไงนะฮะ?”
"เปล่าค่ะ..ดิฉันว่า ไม่ค่อยดีมั๊งคะ? เดี๋ยวใครจะว่าเอา"
"ใครกล้า?! ใครกล้าว่า?! ใครว่าคุณ ผมไล่ออก!!”
ประกายเดือนทำหน้าปวดกบาล
"เอาล่ะ ตกลงยังอยากจะเปลี่ยนเลขาฯรึเปล่าท่านรองฯ ?”
"เปลี่ยนก็บ้าแล้วพี่" นัครินทร์พูดทันที "นี่ก็สายมากแล้ว" นัครินทร์ทำตาวิบวับ "ผมพาเลขาฯ ผมไปทำงานได้รึยังฮะ?”
"ขยันมากท่านรองฯ - - เชิญ!!”
นัครินทร์จะโอบ แต่ประกายเดือนเบี่ยงตัวออก
ประกายเดือนผายมือ "เชิญท่านรองฯ ค่ะ"
นัครินทร์อมยิ้มก่อนจะหันมาหลิ่วตายกนิ้วโป้งบอกว่าเยี่ยมให้นาคินทร์ก่อนจะเดินลั้นลาออกไป ประกายเดือนจะเดินตาม
นาคินทร์เรียกไว้ "เดี๋ยวครับคุณเดือน"
ประกายเดือนชะงัก "คะ?”
"เรื่องพี่สาวคุณ...”
"อ๋อ..ค่ะ..เมื่อกี๊เดือนโทร.หาตะวันแล้ว"
นาคินทร์สวนอย่างยั้งใจไม่อยู่ "เค้าว่าไงครับ?”
“...เอ่อ...ตะวันเค้าก็...”
นาคินทร์หวั่นใจจึงทำเสียงเข้ม "เค้าก็ทำไม?”
"ก็..ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ตะวันยินดีพบท่านประธานฯ เย็นนี้ค่ะ" ประกายเดือนบอก
นาคินทร์ตาวาวเพราะสมใจทันที "เหรอครับ?" นาคินทร์เอนหลังอย่างสบายใจแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ "ดีครับ..ดีมาก"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เดือนขอตัวนะคะ ประเดี๋ยวท่านรองฯ จะดุเอา" ประกายเดือนบอก
นาคินทร์พยักหน้า "เชิญครับ"
นาคินทร์ยิ้มใจดีจนประกายเดือนเดินออกไป หน้ายิ้มของนาคินทร์เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น นาคินทร์หันไปมองภาพวาดบนผนังห้อง นาคินทร์ลุกไปเอามือลูบไล้รอยเลือดของกนกวลี
ภาพกนกวลีหักหลบปานตะวันย้อนกลับมาในความคิดของนาคินทร์ ภาพตอนที่กนกวลีตาย ตอนที่นาคินทร์ร้องไห้
“3ปีที่ผ่านมา มันนานเหลือเกินกนก แต่ในที่สุด..วันนี้มันก็มาถึง วันที่คนผิดจะต้องรับผิด จะต้องถูกลงโทษ พี่คินทร์จะไม่ปล่อยให้มันและใครก็ตามที่มันรักได้อยู่อย่างมีความสุขบนความทุกข์ของเราอีกต่อไป - - พี่คินทร์ให้สัญญา!!”

นาคินทร์บอกอย่างมุ่งมั่น

ปานตะวันจ๋อย

"เลิกจ้าง? อะไรกันคะ..ตะวันไม่ได้คุยโทรศัพท์กับใครเลยนะคะ แต่คุณยายไม่ยอมทานยาแล้วก็...”
"เอาล่ะๆ ไม่ต้องแก้ตัว" หัวหน้าบอก
"ตะวันไม่ได้แก้ตัว"
หัวหน้าตัดบท "เอาเป็นว่า ไม่ต้องไปทำงานบ้านนี้แล้ว ถ้ามีเคสใหม่ติดต่อเข้ามาก็จะบอกเธอก็แล้วกัน"
หัวหน้าพูดจบก็ลุกออกไป
ปานตะวันรีบเรียก "เดี๋ยวค่ะ....”
หัวหน้าไม่สนใจ ปานตะวันจ๋อย แล้วก็ถอนใจเฮือกที่งานหลุดไปอีกหนึ่งจ๊อบ

ปานตะวันเดินหมดอาลัยตายอยากมาตามทาง ใครคนหนึ่งซุ่มมองปานตะวันอยู่ แต่ปานตะวันเดินผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

ใครคนนั้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ที่กำลังพุ่งเข้าไปหาปานตะวัน ปานตะวันหันมามองแล้วก็ผงะด้วยความตกใจ มอเตอร์ไซต์พุ่งเข้าหาปานตะวันอย่างรวดเร็ว ปานตะวันตกใจจนกรีดร้องแล้วกระโดดหลบลงกองกับพื้น ผู้ร้ายใส่หมวกกันน็อคซ้อนท้ายหันมาชี้หน้าทำท่าเชือดคอให้แล้วคนขับก็ซิ่งออกไปอย่างเร็ว ปานตะวันที่นั่งกองอยู่กับพื้นตกใจมาก
"อะไรเนี่ย? นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

ประกายเดือนทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ด้วยความกังวล
"ตายแน่ๆ..ตะวันฆ่าฉันตายแน่เลย งานนี้"
ประกายเดือนถอนใจเฮือกแล้วก็คิดไปถึงตอนที่นาคินทร์ถามว่า “เรื่องพี่สาวคุณ / เค้าว่าไงครับ?”
ประกายเดือนอึกอัก “เอ่อ..ตะวัน เค้าก็...”
นาคินทร์ถาม “เค้าทำไม?”
ประกายเดือนพูดต่อ “ก็...ก็..ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ตะวันยินดีพบท่านประธานเย็นนี้ค่ะ”
ประกายเดือนนึกถึงตอนที่คุยกับปานตะวัน
ปานตะวันตกใจ “อะไรนะ?...คุณนาคินทร์...นัดพบพี่เย็นนี้”
"ใช่!! ท่านประธานของเค้าอยากพบตะวันมากเลย" ประกายเดือนบอก
"แล้วมันเรื่องอะไรท่านประธานของเดือนจะต้องมาอยากพบพี่"
ประกายเดือนจ๋อย "เออ..ก็..ก็..คงเรื่องงาน คือ เค้าอยากให้ตะวันฟังจากท่านประธานเองดีกว่า"
"ประหลาด!! พี่ว่าท่านประธานของเดือนนี่ชักจะแปลกๆ นะ จู่ๆ ก็รับเดือนเข้าทำงานง่ายๆ แถมให้เงินเดือนเยอะผิดปกติ" ปานตะวันจริงจัง "นี่เดือน..อย่าไปทำงานที่บริษัทนั่นเลย"
"เฮ้ย!! ตะวัน..จะบ้าเหรอ? คิดมาก"
"ไม่มากหรอก เชื่อพี่สิ พี่รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้"
"โกรธไอ้พี่อาร์ตแล้วมาพาลท่านประธานฯ - - ไม่แฟร์เลยตะวัน น่านะ..ท่านอยากคุยเรื่องงานจริงๆ"
"ไม่ล่ะ..แค่นี้พี่ก็งานยุ่งมากแล้ว ฝากบอกท่านประธานของเดือนด้วย" ปานตะวันวางหู
"ตะวัน!! เดี๋ยว!! ตะวัน"
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ประกายเดือนก็กุมขมับ
"ตายๆๆๆ รับปากท่านประธานไปแล้วด้วย ตายแน่ๆ นังเดือนเดือดเอ๋ย"
เสียงนัครินทร์ดังขึ้น "อย่าเพิ่งตายเลยครับ..น่าเสียดาย"
ประกายเดือนสะดุ้งเฮือกแล้วเงยหน้ามองก็เห็นนัครินทร์ยืนท้าวแขนที่โต๊ะทำงานโดยยื่นหน้าเข้ามาใกล้
ประกายเดือนตกใจ "ไอ้บ้า!!”
"เฮ้ย?? ด่ากันเลยเหรอ?”
"อุ๊ย!! ขอโทษค่ะท่านรอง ดิฉัน...ดิฉัน..บ้าจี้น่ะค่ะ"
นัครินทร์งง "บ้าจี้?”
"ค่ะ..จู่ๆ ท่านรองมาทำเสียงดัง ดิฉันตกใจ นี่ดีนะคะแค่ด่า ปกติมีตบด้วย"
นัครินทร์สะดุ้งมองแหยงๆ "จริงอ่ะ?”
"จริงค่ะ!! ลองอีกทีมั้ยคะ?”
"ไม่ล่ะ..ไม่ดีกว่า"
ประกายเดือนอมยิ้ม "มีอะไรให้รับใช้คะ?”
"มี!!” นัครินทร์ตอบทันที
ประกายเดือนเตรียมจดบันทึก
นัครินทร์พูดต่อ "เที่ยงนี้ทานข้าวที่ไหนดี?”
ประกายเดือนชะงักกึก เธอจ้องนัครินทร์พล่งคิดในใจว่ากูว่าแล้ว
"พัทยา รึเขาใหญ่ดีฮะ? ชอบทะเลหรือภูเขา?”
"อะไรก็ได้หมดค่ะ"
นัครินทร์ตาโตคิดในใจว่าทำไมง่ายอย่างนี้ "สุดยอดอ่ะ!”
"ว่าแต่จะกลับมาทันนัดเย็นนี้กับท่านประธานรึเปล่าคะ?”
"นัดเย็นนี้กับพี่คินทร์?”
"ค่ะ!! ดิฉันมีนัดเย็นนี้กับท่านประธาน" ประกานเดือนยิ้มเฉือดเฉือน "จะให้เลื่อนมั้ยคะ?" ประกายเดือนคว้าโทรศัพท์จะกดโทรภายใน
นัครินทร์ตะปบห้าม "เฮ้ย!! อย่าๆๆ ถ้าวันนี้ผมโดดงาน พี่คินทร์ด่าตายแน่"
ประกายเดือนมองอย่างเป็นต่อ
นัครินทร์เคือง "เดี๋ยวก่อน..ว่าแต่พี่คินทร์นัดคุณเรื่องอะไร"
ประกายเดือนจะคว้าโทรศัพท์มาอีก "เดี๋ยวถามให้ค่ะ"
นัครินทร์พุ่งมาตะปบอีก "เฮ้ย!! ไม่ต้องๆๆ"
ประกายเดือนอมยิ้มยั่ว นัครินทร์อารมณ์เสีย "หึ้ย!!”
นัครินทร์เดินเข้าไปในห้อง
ประกายเดือนมองตามแล้วยิ้มสะใจ "ให้มันรู้ซะมั่งว่าไผเป็นไผ" ประกายเดือนหุบยิ้ม "แล้วนี่จะบอกตะวันไงดีอ่ะ - - โอ๊ย!!”

ประกายเดือนฟุบหน้ากับโต๊ะด้วยความกลุ้มใจ

อ่านต่อหน้า 2

เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)

นัครินทร์อารมณ์บ่จอย

"อะไรวะ? ตั้งแต่กนกตายก็ไม่เคยเห็นพี่คินทร์มองสาวที่ไหนจนนึกว่าจะกลายเป็นตุ๊ดไปซะแล้ว" นัครนิทร์มึน "นี่ยังไง?? เกิดจะนัดสาวกินข้าวเย็น" นัครินทร์ชักเคือง "ที่สำคัญ นัดใครไม่นัด ดันมานัดอาหมวยอึ๋มของอั๊ว!! อะไรว้าาาา! พี่คินทร์"

นาคินทร์เซ็นเอกสารเสร็จก็ปิดแฟ้มแล้วดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลา 17.30 น. ปาริฉัตรจะยื่นแฟ้มใหม่ให้ นาคินทร์ลุกฟรึ่บทันที
ปาริฉัตรงง "มีเอกสารสำคัญอีก 2 แฟ้มค่ะท่านประธาน"
"ผมมีธุระที่สำคัญกว่านั้น" นาคินทร์เดินออก
ปาริฉัตรงงจึงวิ่งตามไปดักหน้า "วันนี้ท่านไม่มีนัดแล้วนะคะ"
นาคินทร์ไม่สน เขาเดินไปสั่งไป "บอกคนขับเตรียมรถ แต่ไม่ต้องขับให้ผม ผมจะขับเอง อ้อ! แจ้งคุณประกายเดือนให้ลงไปรอผมข้างล่าง"
ปาริฉัตรอึ้งก่อนจะเข้ามาขวางหน้า "อะไรนะคะ?”
นาคินทร์เปลี่ยนใจ "ไม่ดีกว่า เดี๋ยวผมเดินไปรับที่หน้าห้องเจ้านัคเอง"
พูดจบนาคินทร์ก็เดินตัวปลิวออกไป
ปาริฉัตรทำหน้าเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางกบาล "ท่านประธาน?”
ปาริฉัตรรีบวิ่งตามไปทันที

นาคินทร์เดินตัวปลิว ปาริฉัตรวิ่งตามพร้อมร้องเรียกนาคินทร์ที่เดินผ่านไป ทำเอามอลลี่ ลูกกอล์ฟ จามจุรีฮือฮา ตาลุก
"เฮ้ยๆๆ...เรื่องเด่นเย็นนี้เว๊ยเฮ๊ย!” มอลลี่ว่า
"ท่านประธานจะรีบไปไหน? ปกติทำงานถึงดึกดื่นทุกคืนไม่เคยรีบกลับเร็วอย่างนี้" จามจุรีบอก
"ใช่..ไม่เหมือนเจ๊มอลลี่ ห้าโมงเย็นเผ่นตล๊อด" ลูกกอล์ฟว่า
มอลลี่ตบหัวลูกกอล์ฟดังป้าบ "ปากนะไอ้ลูกกอล์ฟ" มอลลี่ยิ้มแหยๆ กับจามจุรี "แฮ่..ไม่จริงค่ะคุณเจเจ อย่าไปฟังมัน เรามาสนใจเรื่องชาวบ้านกันต่อดีกว่า" มอลลี่ชะเง้อ "ท่านประธานจะรีบไปไหน แล้วทำไมคุณเลขาฯ ต้องทำท่าเหมือนจะเป็นบ้าอย่างนั้นด้วย"
ลูกกอล์ฟพูดเลียนแบบฐาปนีย์ เอียดศรีไชย "คุณมอลลี่คะ...สถานการณ์แบบนี้ถือว่าไม่ปกติค่ะ ดิฉันคิดว่าเราควรจะรีบเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนะคะ"
"อย่างด่วนเลย!! สกายรีพอร์ต" มอลลี่เหินพุ่งออกไปกับลูกกอล์ฟโดยทิ้งจามจุรีไว้
จามจุรีงง "อ้าว! อะไรกัน? เฮ้อ! 2คนนี้นี่สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านที่สุด!!!แต่มันก็น่ารู้มากๆนะ?”
จามจุรีพุ่งตามออกไปอีกคนอย่างอยากรู้สุดๆ

นัครินทร์ปิดคอมพ์ของประกายเดือนแชะ ประกายเดือนสะดุ้งแล้วเงยหน้ามอง
"อะไรคะเนี่ย?? งานดิฉันยังไม่เสร็จนะคะ" ประกายเดือนบอก
"หมดเวลางานแล้ว...ผมหิว" นัครินทร์ว่า
"หิวก็ไปทานข้าวสิคะ"
"คุณจะต้องไปทานกับผม"
"ลืมไปแล้วเหรอคะว่าดิฉันมีนัดกับท่านประธาน?”
"แต่คุณเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของผม พี่คินทร์ทำอย่างนี้ไม่ถูก"
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น "ถูกสิ"
ทั้งสองหันขวับมาเห็นนาคินทร์ยืนอยู่ใกล้ๆ
"ฉันกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด" นาคินทร์ว่า
ประกายเดือนมองนัครินทร์โดยไม่ได้เอะใจอะไร
นัครินร์โวยวาย "อะไรของพี่คินทร์อ่ะ คุณเดือนเป็นเลขาฯส่วนตัวของผม"
ปาริฉัตรวิ่งมาถึงพอดี
"ท่านประธาน...”
"นั่นไง...พี่ก็มีเลขาฯของพี่ แล้วทำไมจะต้องมานัดกินข้าวเย็นกะเลขาฯ ผมล่ะฮะ" นัครินทร์ว่า
ปาริฉัตรอึ้ง "นัดกินข้าวเย็น?”
จังหวะเดียวกับที่มอลลี่ ลูกกอล์ฟ จามจุรีวิ่งมาซุ่มอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเข้าพอดี
ทั้ง 3 คนฮือฮา "กินข้าวเย็น?”
นาคินทร์พูดกับปาริฉัตร "คุณฉัตร...อยู่ช่วยงานท่านรองฯ แทนคุณเดือน" นาคินทร์พูดกับประกายเดือน "เชิญครับ"
นัครินทร์กับปาริฉัตรพูดพร้อมกัน "พี่คินทร์!! / ท่านประธาน!”
ประกายเดือนแอบสะใจ เธอทำหน้าคล้ายจะถามว่า “จบป๊ะ??” ใส่ทั้งสองแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไปกับนาคินทร์ทันที
นัครินทร์ตะโกนเรียก "พี่คินทร์!!" นัครินทร์บ่น "โห...เผด็จการสุดๆ" นัครินทร์เข้าห้องไปอย่างยั๊วะๆ ส่วนปาริฉัตรยืนจ๋อย
มอลลี่กับลูกกอล์ฟที่ซุ่มอยู่รำพึงออกมา "แซบเว่อร์"
"ดูหน้านังเลขาฯสิ...กินแห้วจนจุก ฮ่าๆๆ" มอลลี่สะใจ
จามจุรีเอ็ด "สมรศรี!!”
มอลลี่สะดุ้ง "มอลลี่ก็ได้ค่า"
ปาริฉัตรยืนมองประกายเดือนอย่างแค้นเคือง

รถนาคินทร์แล่นฉิวบนถนนอย่างรวดเร็ว นาคินทร์ขับรถอยู่ด้วยหน้าตาสมใจ โดยมีประกายเดือนนั่งตัวลีบเหลือบมองอย่างกลัวๆ นาคินทร์เหลือบมองประกายเดือนแล้วถาม
"กลัวอะไรครับ?”
ประกายเดือนสะดุ้ง "เอ่อ..คือ..ไม่เคยนั่งรถเร็วๆ แบบนี้อ่ะค่ะ"
"อ๋อ..ผมอยาก..." นาคินทร์ชะงัก “..ผมกลัวว่าถ้าช้ารถจะติด"
ประกายเดือนพยักหน้าหงึกๆ แบบแหยๆ ก่อนจะถอนใจเฮือกด้วยความหนักใจ
"ไม่สบายใจอะไรครับ?”
ประกายเดือนสะดุ้ง "เอ่อ..ปะ..เปล่าค่ะ.." ประกายเดือนตัดสินใจ "จะดีเหรอคะที่ท่านประธานจะไปพบตะวันที่บ้าน?”
นาคินทร์ยิ้ม "ดีสิครับ สบายๆ กันเองดี"
"เอ่อ..แต่..”
"แต่อะไรครับ" นาคินทร์ถาม
ประกายเดือนไม่กล้าบอกว่าปานตะวันไปอยากพบ "คือ..คือ...บ้าน..เอ๊ย!..ห้องเช่าเรา 2 คนมัน..มันเล็กยังกะรูหนูนะคะ"
นาคินทร์ยิ้ม "แล้วไงครับ?”
ประกายเดือนรีบพูด "เกรงใจท่านประธานน่ะค่ะ ไว้วันหลังเดือนค่อยนัดตะวันให้อีกที นัดไปทานข้างข้างนอกก็ได้ ดีมั้ยคะ?”
"ไม่ดีหรอกครับ เจอกันวันนี้..ดีที่สุดแล้ว"
ประกายเดือนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ นาคินทร์ตาวาวก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีก ประกายเดือนหน้าหงายจนเผลอร้องว้ายออกมา

ปานตะวันกำลังหั่นผักด้วยสีหน้ากังวล เธอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่โดนมอร์เตอร์ไซค์พุ่งชน ปานตะวันหั่นผักบาดนิ้วตัวเองจนเลือดไหล
ปานตะวันสะดุ้ง "อุ๊ย!! ซุ่มซ่ามจริงๆ เลยเรา"
ใครคนนึงกำลังเดินเข้ามาหาปานตะวันจากทางด้านหลัง ปานตะวันรีบล้างแผล พอหันขวับจะไปหายาใส่ก็ชะงัก
"เดือน!! มาเงียบเลย"
ประกายเดือนมองหน้าพี่สาวหวั่นๆ คล้ายเด็กแอบทำความผิด
ปานตะวันรู้สึกได้ "มีอะไร? เป็นอะไรรึเปล่า?”
ประกายเดือนยิ้มแหย "ตะวัน..เค้าไม่ได้มาคนเดียว"
"อะไรนะ?”
ประกายเดือนค่อยๆ หันไปมองด้านหลังแล้วก็ฉากออก นาคินทร์ก้าวมายืน นาคินทร์ดูหล่อมากแต่ก็น่ากลัวมากเช่นกัน ปานตะวันอึ้งๆ งงๆ
นาคินทร์ตาวาวที่ได้เห็นหน้าคนที่ทำให้ภรรยาของเขาตายเป็นครั้งแรกอย่างเต็มๆ ตา "ผม...นาคินทร์..ยินดีที่ได้รู้จักครับ...คุณปานตะวัน"
ปานตะวันหันขวับไปมองน้องสาวแล้วเอ็ดเสียงดัง "เดือน!! นี่มันอะไรกัน?”
ประกายเดือนใจหายวูบ "ใจเย็น...ฟังเค้าก่อน...”
"อย่าโทษคุณเดือนเลยครับ ผมเป็นคนขอร้องแกมบังคับคุณเดือนเอง"
"เดือน!!”
ประกายเดือนรีบชิ่ง "เค้าไปอาบน้ำก่อนนะ!!”
พูดจบประกายเดือนก็พุ่งหลบไปทันที
"เดือน!!!”
ปานตะวันจะตาม แต่นาคินทร์เข้ามาขวาง ปานตะวันชะงักที่เขาเข้ามาใกล้มาก
"นี่เดือนไม่ได้บอกคุณเหรอว่า...”
นาคินทร์ขัดขึ้นทันที "นิ้วคุณเลือดออก"
นาคินทร์คว้ามือปานตะวัน ปานตะวันอึ้งก่อนจะสะบัดออกอย่างถือตัว
"เล็กน้อยค่ะ..ฉันเป็นพยาบาล"
ปานตะวันหันไปหยิบพลาสเตอร์ยาแถวนั้นมาปิดแผลอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตานาคินทร์ที่มองบาดแผลที่นิ้วของปานตะวันสลับกับนิ้วของเขาที่เคยแตะรอยหยดเลือดของกนกวลีบนภาพวาดที่ผนังห้องทำงาน แล้วเขาก็สะดุ้งเพราะเสียงปานตะวัน
"อย่าหาว่าไม่สุภาพเลยนะคะ แต่ดิฉันคิดว่าไม่เหมาะที่คุณจะเข้ามาในนี้โดยที่ดิฉันไม่ยินดีต้อนรับ"
นาคินทร์วูบฉุนนิดนึงก่อนจะเก็บอาการ เขาหยิบรูปนารถนรินทร์ในกระเป๋าสตางค์ออกมา "นารถนรินทร์เป็นน้องสาวคนเดียวของผม ประสบอุบัติเหตุ เดินไม่ได้มาปีกว่าแล้ว ผมอยากให้คุณรับงานพยาบาลพิเศษ คอยดูแลน้องสาวผม"
ปานตะวันไม่ชอบใจ "ฉันไม่ว่าง"
นาคินทร์รุกเลย "เงินเดือนหนึ่งแสน สัญญา 1 ปี และถ้าระหว่างนั้นคุณทำให้นารถเดินได้ ผมจะให้คุณอีก 5 ล้าน"
ปานตะวันชะงักอึ้ง ประกายเดือนที่แอบฟังอยู่ถึงกับตาโต
“5 ล้าน!"

ประกายเดือนรีบตะปบปากตัวเองแล้วแอบดูต่อ

นาคินทร์เห็นอาการของปานตะวันก็แอบเยาะหยันที่เธอเห็นแก่เงินแล้วเขาก็ยิ้ม

"ว่าไงครับ..ข้อเสนอของผมดีพอมั้ย?”
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ ก่อนจะบอก "ข้อเสนอของคุณมันฟังดูดีเกินไปค่ะ"
นาคินทร์วูบ
ประกายเดือนขัดใจ "เฮ้ย!" ประกายเดือนพูดเสียงเบา แต่อารมณ์เสียมาก "จะบ้าเหรอตะวัน?? เพี้ยนไปแล้ว"
"ฉันคิดว่าคุณคงจะรวยมาก แต่ก็แปลกมากด้วยที่จู่ๆ คุณก็รับน้องสาวฉันเข้าทำงานทันทีด้วยเงินเดือนตั้ง 4 หมื่น แล้วนี่ยังจะมาจ้างฉันทำงานด้วยเงินเดือน 1 แสน แล้วยังมีรางวัลพิเศษอีกตั้ง 5 ล้าน - - คุณต้องการอะไรกันแน่?” ปานตะวันถาม
นาคินทร์ตาวาว เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว ประกายเดือนหน้าหงายเพราะอยากจะเป็นลม
"ว่าไงคะ?” ปานตะวันถามซ้ำ
นาคินทร์พูดเนียนๆ ไม่พิรุธ และยิ้มน้อยๆ "คุณยังไม่เคยเจอยัยนารถ คุณไม่รู้หรอกว่าการดูแลน้องสาวของผมคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พยาบาลหลายคนถอดใจไปตามๆ กันรวมถึงคนล่าสุดนี้ด้วย"
"ไม่น่าเชื่อ..เงินเดือนตั้งแสน..น่าจะมีคนสนใจและพร้อมที่จะอดทนต่องานนี้ไม่น้อยเลย" ปานตะวันว่า
"ก็จริงครับ..แต่พอดีได้ยินจากคุณเดือนว่าคุณเป็นพยาบาลพิเศษ ก็เลยอยากถามคุณเป็นคนแรก ว่าไงครับ" นาคินทร์รุก "หรือคุณคิดว่าเงินมันน้อยไป? คุณอยากได้เท่าไหร่?”
ปานตะวันไม่พอใจ "ฉันไม่ชอบคำถามของคุณเลย"
นาคินทร์คิดว่าประกายเดือนทำตัวเป็นคนดีมากไป "ถ้าคุณอยากเจอน้องสาวของผมก่อนก็ได้ เราไปกันวันนี้เลย"
ประกายเดือนโผล่พรวดเข้ามาทันที "เหอะตะวัน!! ลองไปดูก่อน"
"เดือน!!" ปานตะวันเอ็ดที่น้องสาวเป็นต้นเหตุแล้วยังมาแอบฟัง
ประกายเดือนอ้อน "น่า...ลองดูไม่เสียหลาย เงินเดือนตั้งแสน มากกว่าเค้าตั้งเยอะ เราจะได้ออกไปจากรูหนูนี่ไวๆ ไงล่ะ..นะๆๆ"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์แอบยิ้มที่มุมปาก
"แสนนึง..ทำงานที่เดียว ดีกว่าตะวันต้องวิ่งรอกรับจ๊อบตั้ง 4-5 ที่ ได้เงินก็นิ้ดเดียว จริงมั้ย?” ประกายเดือนว่า
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์มีดวงตาแสดงว่าเป็นต่อ
นาคินทร์ยิ้มแล้วผายมือ "เชิญครับ..ไปพบยัยนารถกัน"
"ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ" ปานตะวันบอก
นาคินทร์ชะงัก
ประกายเดือนไม่พอใจ "ตะวัน!!”
นาคินทร์ใจเย็น "ไม่เป็นไรครับ..คิดดูก่อนก็ได้..แต่ยังไงผมคงต้องขอคำตอบเร็วที่สุด เพราะพยาบาลที่ดูแลนารถจะอยู่ถึงแค่สิ้นเดือนนี้"
ปานตะวันรู้สึกกดดัน
"ถ้างั้นผมรบกวนแค่นี้นะครับ"
นาคินทร์ยิ้มให้ 2พี่น้องด้วย่ทาทางจริงใจสุดๆ แล้วก็เดินออกไป ปานตะวันมองเฉยๆ
ประกายเดือนโพล่งขึ้น "อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนมั้ยคะ ท่านประธาน?”
นาคินทร์ชะงักกึก สายตาวาว
ปานตะวันหยิกน้อง "ยัยเดือน!!”
"โอ๊ย!! แค่นี้ก็ต้องหยิกด้วย??” ประกายเดือนร้อง
นาคินทร์ค่อยๆ หันกลับมายิ้มน้อยๆ "ขอบคุณมากครับ"
ปานตะวันนึกว่าเขาจะปฎิเสธ
นาคินทร์พูดต่อ “...ผมก็รู้สึกหิวพอดีเลย"
ปานตะวันอึ้ง
ประกายเดือนดีใจ "จริงเหรอคะ? ไม่รังเกียจนะคะ?”
นาคินทร์ส่ายหน้า "รู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ"
ประกายเดือนอวด "แล้วจะติดใจค่ะ..ตะวันทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลกเลย"
นาคินทร์ยิ้ม "จริงเหรอครับ?" นาคินทร์หันไปมองหน้าปานตะวัน
ปานตะวันเบือนหน้าไปอีกที
"งั้นต้องประชันฝีมือกับผมซะหน่อยแล้ว" นาคินทร์ว่า
ปานตะวันหันมาทำตาโต??
"ห๊า?? ท่านประธานล้อเล่นรึเปล่าคะ?” ประกายเดือนตกใจ
"เดี๋ยวดู!!!” พูดจบนาคินทร์ก็เดินไปที่เตาทันที
ประกายเดือนตื่นเต้นมาก "สุดยอดอ่ะ!!”
ประกายเดือนจะวิ่งตามไป แต่เธอก็นึกขึ้นได้จึงพุ่งมากระชากปานตะวันตามไป
"เร็วสิ..ตะวัน"
"ยัยเดือน”
ปานตะวันถูกดึงให้วิ่งตามจนตัวปลิว

นาคินทร์เดินมายืนมองข้าวของเครื่องครัวบ้านๆ เก่าๆ ไม่กี่ชิ้นที่สะอาดและเป็นระเบียบ ประกายเดือนผลักปานตะวันเข้ามาชนกับนาคินทร์ที่หันมามองพอดิบพอดี
ปานตะวันร้อง "โอ๊ย!!”
ประกายเดือนก็ร้อง "ว๊าย!”
นาคินทร์มองหน้าปานตะวันในอ้อมกอดของเขา ปานตะวันหวั่นไหวจึงรีบผลักนาคินทร์ออก
"ขอโทษค่ะ" ปานตะวันหันไปจะเอ็ดประกายเดือน "เดือน....”
ประกายเดือนรีบพูด "เห็นมั้ยไอ้ห้องรูหนูนี่มันเล็กขนาดไหน เดินไปเดินมาแทบจะชนกันตาย" ประกายเดือนทำเจ้าเล่ห์ "รีบตกลงรับทำงานให้ท่านประธานเหอะตะวัน เราจะได้รีบๆ ออกไปจากที่นี่ซะที"
ปานตะวันเหวอพร้อมกับคิดในใจว่ามันคิดได้ไง?
นาคินทร์แอบถูกใจความเจ้าเล่ห์ของประกายเดือน
"นี่!! มันไม่เกี่ยวกันเลย..." ปานตะวันจะใส่ต่อแต่ประกายเดือนรีบตัดบท
"เรื่องทำอาหารนี่เดือนไม่ได้เลยนะคะ ไม่มีเลยเสน่ห์ปลายจวัก!! อันนี้ต้องยกให้ตะวัน ว่าแต่..ท่านประธานทำอาหารเป็นจริงๆ เหรอคะ..ไม่น่าเชื่อ" ประกายเดือนว่า
นาคินทร์ยิ้มๆ "คุณแม่ผมทำอาหารเก่งมาก เมื่อก่อนนี้เราต้องทานข้าวเย็นพร้อมหน้ากันทุกวัน จนกระทั่ง..." นาคินทร์สลดลงเพราะคิดถึงกนกวลี
ประกายเดือนยิ้มอย่างอยากรู้ "จนกระทั่งอะไรคะ?”
นาคินทร์ปรับตัวเนียนๆ แล้วยิ้มน้อยๆ "จนกระทั่งผมแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวน่ะครับ"
ประกายเดือนมองตาแป๋วเพราะอยากรู้ "อ้าว...แล้วทำไมท่านประธานถึงต้องแยกตัวมาอยู่คนเดียวด้วยล่ะคะ"
นาคินทร์อึ้ง "ก็...เพราะ.." นาคินทร์นึกถึงกนกวลีที่ตายทำให้เขาต้องออกมาอยู่คนเดียว
ปานตะวันตัดบท "เดือน...เสียมารยาท"
"อุ๊ย!! จริงด้วย ขอโทษค่ะท่านประธาน"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีซะอีกที่มีคนชวนคุยเรื่องนี้ มันจะได้ทำให้ผมได้ทบทวนความทรงจำเก่าๆ"
ปานตะวันมองทะแม่งๆ
ประกายเดือนโพล่งขึ้น "โอเค.คราวนี้เดือนจะขอตัวไปอาบน้ำจริงๆ แล้ว ขอเชิญท่านประธานกับตะวันประชันฝีมือกันให้เต็มที่เลยนะคะ แล้วเดือนจะมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ ฮิฮิ.... ไปละ!!”
พูดจบประกายเดือนก็วิ่งตื๋อออกไปทันที
ปานตะวันร้องเรียก "เดี๋ยว...เดือน!”
เหลือแค่ปานตะวันที่ยืนอยู่กับนาคินทร์ในพื้นที่แคบๆ ปานตะวันรู้สึกอึดอัด แต่นาคินทร์ทำท่าสบายๆ
นาคินทร์ถาม "อยากทานอะไรครับ?”
"คะ?”
"คุณตะวันอยากทานอะไร เดี๋ยวผมจะทำให้"
"อย่าดีกว่าค่ะ" ปานตะวันเปลี่ยนเรื่อง "ฉันต้องขอโทษแทนยัยเดือนด้วย โตจนป่านนี้แล้ว แต่นิสัย แกยังเด็กมาก"
"น่ารักดีออกครับ"
ปานตะวันตวัดสายตาขวับพลางคิดในใจว่าจะหัวงูใส่น้องฉันเหรอ
นาคินทร์ยิ้มขำ "ผมหมายถึงนิสัยคุณเดือนน่ะครับ...อย่าเข้าใจผิด" นาคินทร์มองตา "ผมไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้" สายตาของนาคินทร์เปลี่ยนเป็นจริงจัง "ผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว"
ปานตะวันอดรู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆ นาคินทร์ก็มาบอกแบบนี้ไม่ได้ เธอแอบหวั่นไหวทั้งที่จริงๆ แล้วนาคินทร์หมายถึงกนกวลี
นาคินทร์พอใจที่เห็นปานตะวันแอบหวั่นไหว "ตกลงทานอะไรดี? ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ผมจัดให้เลยนะครับ" นาคินทร์มองนู่นมองนี่แล้วพับแขนเสื้อ "มีอะไรครับ ปลา? ไก่? หมู? คุณตะวันช่วยหยิบให้ผมหน่อย อ้อ! เครื่องแกงมีอะไรบ้าง? หรือจะผัดกะเพราะดีครับ ง่ายๆ ไวดีด้วย"
ปานตะวันงงไปเลยเพราะเจอเป็นชุด “...เอ่อ..ค่ะ..อะไรก็ได้ค่ะ..กะเพราก็ได้"
"โอเค." นาคินทร์ส่งกะเพราให้ "ช่วยเด็ดใบกะเพรา ล้างให้สะอาดนะครับ"
ปานตะวันรับมาอย่างงงๆ "ค่ะๆ"
นาคินทร์เริ่มทำหมูสับผัดกะเพราด้วยท่าทางที่ดูโปรมากๆ ปานตะวันคอยช่วยหยิบนู่นหยิบนี่ส่งให้ ทั้งสองไอและจามกัน คุณป้าข้างบ้านตะโกนด่า “จะผัดอะไรกันนักกันหนา ไปหาซื้อกินเอาไม่ได้เหรอวะ...เหม็นโว๊ย!!” นาคินทร์หน้าเหวอ ปานตะวันเผลอขำ นาคินทร์พลอยยิ้มขำไปด้วย ปานตะวันแอบลอบมองความน่ารักของนาคินทร์ นาคินทร์มองปานตะวัน ปานตะวันแก้เก้อด้วยการหยิบไข่ส่งให้ทำนาคินทร์ทำไข่ดาว นาคินทร์ต่อยไข่ลงในกะทะ

ปานตะวันมองด้วยสายตาอ่อนโยนเป็นมิตรกับนาคินทร์มากขึ้น

อ่านต่อหน้า 3

เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)

สาวิตรีถึงกับสำลักน้ำซุป

"แกว่าไงนะตานัค? พี่คินทร์เนี่ยนะควงเลขาฯ ไปกินข้าวเย็น?" สาวิตรีส่ายหน้า "เป็นไปไม่ได้!! Impossible!!”
นัครินทร์โวยวาย "เป็นไปได้ และมันก็เป็นไปแล้วฮะแม่ โห่ย!! มันไม่แฟร์เลยอ่ะ พ่อกะแม่ต้องเคลียร์ให้ผมนะฮะ พี่คินทร์ใช้อำนาจท่านประธานฯ ในทางมิชอบ"
"แม่ไม่เชื่อ!! ตั้งแต่เกิดมา พี่คินทร์รักผู้หญิงคนเดียว คือ หนูกนก และตั้งแต่หนูกนกตายไป พี่คินทร์ก็ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองใคร - - แม่ไม่เชื่อ!!” สาวิตรีว่า
"แต่แม่ต้องเชื่อฮะ" นครินทร์กุมขมับ "ฮือ..ป่านนี้ อาหมวยอึ๋มของอั๊วโดนพี่คินทร์กินอร่อยไปแล้วว"
"ไอ้นัค!! พูดจาน่าเกลี่ยด น้องนุ่งก็นั่งอยู่" ทวยเทพว่า
"ชินแล้วค่ะพ่อ พี่นัคก็ปากเสียแบบนี้ตลอดแหละ"
"เฮ่ย!! อย่าเริ่ม ยิ่ง’รมณ์เสียอยู่ ยังกะปากดีนักนี่เราน่ะ ประเดี๋ยวยุให้ไอ้วิทย์มีกิ๊กซะเลยนี่" นัครินทร์ว่า
นารถนรินทร์พูด "ไม่มีทางย่ะ พี่วิทย์แฟนนารถเค้าไม่เจ้าชู้กะล่อนนอนไปทั่วเหมือนพี่นัคหรอก ต่างกันราวฟ้ากับเหว"
"เฮ้ยๆๆ เธอจะรู้ได้ไงยัยนารถ ยิ่งไอ้วิทย์มันอยู่เมกา ป่านนี้มีเมียแหม่มเป็นโหลแล้ว"
"เอาล่ะๆๆ...พอซะที มัวแต่เถียงกันอยู่นั่น ไม่มีใครกินกับข้าวฝีมือแม่เลย เย็นหมดแล้วเห็นมั้ย?” สาวิตรีว่า
"กินไม่ลงแล้ว - - ไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า" นัครินทร์เดินออก
"ตานัค!!! เฮ้อ!!”
"นั่นไง...มันหาเรื่องออกไปหาสาวน่ะสิ" ทวยเทพบอก
"เป็นเรื่องปกติค่ะพ่อ แต่ที่ไม่ปกตินี่ต้องพี่คินทร์" นารถนรินทร์คิด "ควงเลขาฯพี่นัคไปกินข้าวเย็นจริงรึเปล่า? และถ้าจริง..นารถอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่พี่คินทร์ควงไปกินข้าวด้วยจัง - -ว่าจะสวยสู้พี่กนกได้รึเปล่า?”
ทวยเทพกับสาวิตรีมองหน้ากันเพราะรู้สึกอยากรู้เช่นกัน

นาคินทร์ตักกะเพราใส่ในจานของปานตะวัน ปานตะวันมองๆ ด้วยความเกรงใจ ทั้งหมดนั่งอยู่กับพื้นโดยตั้งวงกันที่โต๊ะเล็กๆ เตี้ยๆ
"ขอบคุณค่ะ" ปานตะวันพูด
ประกายเดือนเหลือบมองแล้วก็อมยิ้มก่อนจะตักอาหารเข้าปาก เธอเคี้ยวแล้วทำสีหน้าปลาบปลื้มเพราะอร่อยเว่อร์ "อื้อหืมม์..." ประกายเดือนทำเสียงนางเอกหนังเกาหลี "มันยอดมากอ่ะ"
ปานตะวันตีเพียะ "เดือน!!”
"อะไรล่ะตะวัน?? ก็กะเพราฝีมือท่านประธานมันแซบจิงไรจิงนี่น่า" ประกายเดือนยกนิ้วโป้งให้ "มันยอดมากจริงๆ ค่ะท่านประธาน"
นาคินทร์ยิ้มๆ "อร่อยก็ทานเยอะๆ นะครับ"
"จัดแน่นค่ะ!!!” ประกายเดือนบอก
พูดจบประกายเดือนก็ตักอาหารใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ อย่างเพลิดเพลิน ปานตะวันส่ายหน้าแต่ก็แอบอมยิ้มไม่ได้ นาคินทร์ลอบมอง
"คุณอยู่กันแค่ 2 คนพี่น้องเหรอครับ" นาคินทร์ถาม
ปานตะวันมองๆ อย่างระวังตัวก่อนจะตอบสั้นๆ "ค่ะ"
ประกายเดือนให้ข้อมูลเพิ่มอย่างชิวๆ โดยกินไปเล่าไป "คุณพ่อคุณแม่เสียตั้งแต่เราเรียนมัธยมค่ะ ตะวันเลยต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย แล้วยังต้องส่งเสียเดือนอีกด้วย พี่สาวเดือนสุดยอดเลยเห็นมั้ยคะ?”
ปานตะวันแอบหยิกขาน้องสาวเป็นการเตือนว่าเม้าท์ไปเยอะ
"โอ๊ย!!! หยิกทำไม? เค้าพูดเรื่องจริงนี่นา"
"เก่งจริงๆ ครับ พี่สาวคุณเดือนเก่งจริงๆ" นาคินทร์แอบกัดว่าปานตะวันเก่งที่รอดคดีของกนกวลีมาได้ "ผมเชื่อ"
ปานตะวันหันขวับมองมานาคินทร์แล้วก็รู้สึกทะแม่งๆ
นาคินทร์เนียน แต่ก็ไม่ได้สะดุ้งอะไรก่อนจะยิ้มให้ปานตะวัน "ถ้าเป็นผม ผมคงทำไม่ได้อย่างที่คุณตะวันทำ"
นาคินทร์จ้องตาใสซื่อใส่ตะวัน แต่ปานตะวันกลับรู้สึกว่ามันแปลกๆ
นาคินทร์เข้าเรื่อง "มันยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่า คุณจะดูแลนารถนรินทร์น้องสาวผมได้ดีที่สุด"
"ดีค่ะ เข้าเรื่องกันเลย" ประกายเดือนพูดกับปานตะวัน "เหอะ..นะๆๆ...ตะวัน รับปากท่านประธานเหอะนะ"
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ที่จ้องรออยู่
"คงต้องขอโทษด้วยที่ต้องยืนยันคำเดิม...ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ" ปานตะวันว่า
นาคินทร์เก็บความรู้สึกแล้วก็ยิ้มน้อยๆ "ผมก็ขอย้ำคำเดิมนะครับ....ขอคำตอบเร็วที่สุด และผมจะรออย่างใจจดจ่อ"
นาคินทร์ยิ้มให้ปานตะวัน ปานตะวันเบือนหน้าทำเฉไฉก่อนจะหยิบน้ำมาจิบ ประกายเดือนลุ้นสุดขีด

ปานตะวันทำหน้าคิดหนัก นาคินทร์ส่งสายตาดูดีมีเมตตามองมา

นาคินทร์บึ่งรถมาอย่างเร็ว  ด้วยความแค้นเคืองปานตะวัน

"ฤทธิ์มาก เล่นตัว หัวหมอ คงเพราะอย่างนี้ เธอถึงได้รอดคดีของกนกไปได้ แต่คราวนี้ เธอไม่มีทางรอด ฉันจะเป็นคนตัดสิน ลงโทษเธอให้สาสมกับความผิดที่เธอได้ทำไว้...ปานตะวัน!!” นาคินทร์ว่า
นาคินทร์ซิ่งไปอย่างรวดเร็ว

ปานตะวันคว่ำจานชามที่ล้างเสร็จแล้วในตะกร้า
"ต่อไปนี้อย่าพาคุณนาคินทร์มาที่นี่อีก" ปานตะวันว่า
ประกายเดือนถาม "ทำไมล่ะตะวัน?? ท่านประธานน่ารักจะตาย หล่อขั้นเทพแถมรวยเว่อร์ขนาดนั้นอุตส่าห์มาหาตะวันถึงห้องรูหนูนี่ แถมยังทำกับข้าวให้กินเฉย นี่ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเค้าต้องนึกว่ากำลังนั่งดูพระเอกผู้แสนดีในละครนะเนี่ย"
"อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้"
"หมายความว่าไง?”
"พี่รู้สึกเหมือนเค้ากำลังเล่นละครอยู่"
ประกายเดือนอึ้งแล้วจ้องหน้าพี่สาวก่อนจะเอามือแตะหน้าผาก "ป่วยรึเปล่า? ไม่สบายรึเปล่าตะวัน?”
ปานตะวันปัดมือน้องสาวออก
"ท่านประธานแสนจะดีเลิศประเสริฐศรีซะขนาดนั้น?” ประกายเดือน
"นั่นล่ะ...ดีเกินไป" ปานตะวันบอก
ประกายเดือนหลุดปาก "แล้วจะต้องยังไง? ชอบแบบ “ไม่มีดีเลยซักนิด”อย่างไอ้พี่อาร์ตนั่นใช่มั้ย?”
ปานตะวันเจ็บจี๊ด
ประกายเดือนอึ้งเพราะรู้สึกผิด "เค้าขอโทษนะตะวัน เค้าไม่ได้ตั้งใจ"
ปานตะวันจับไหล่น้องสาว "เชื่อพี่เถอะ...ท่านประธานของเดือนเค้าดีเกินไป ดีผิดปกติ"
ประกายเดือนเสียงอ่อน "ตะวันคิดมากไปรึเปล่า เค้ากลับแอบคิดว่าท่านประธานปิ๊งตะวันซะด้วยซ้ำไป"
ปานตะวันนิ่ง ประกายเดือนตาแป๋วแล้วถาม "จริงๆ นะ"
ปานตะวันนิ่งอึ้งโดยแอบรู้สึกสับสน

สมรศรีกับลูกกอล์ฟเม้าท์กันอยู่ใกล้ๆ ปาริฉัตรที่หน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ที่โต๊ะทำงาน
"ปิ๊งแน่ๆ!! ร้อยเอาขี้หมากองเดียว...ดูจากทรงแล้ว ท่านประธานต้องปิ๊งเลขาฯคนใหม่ของท่านรองประธานแน่ๆ - - มันใช่แน่ๆ" มอลลี่ว่า
ปาริฉัตรตาเขียว
"อะไรว้า?! แต่ดูท่านรองฯ ก็มองเลขาฯ คนใหม่ตาเป็นมันเหมือนกันนะเจ๊มอลลี่"
"อ๊ะแน่สิ!! ขาวสวยหมวยอึ๋มซะขนาดนั้น แม้ว่ามันจะเตี้ยกว่าเจ๊ และเซ็กซี่สู้เจ๊ไม่ได้ แต่ก็อย่างที่รู้อ่ะ...แบบไหนก็ได้หมดสำหรับท่านรองของเรา เอ๊ะ!! แต่แปลกนะ ไม่ยักกะเคยเห็นท่านประธาน และท่านรองประธานชวนน้องฉัตรของเราไปกินข้าวเย็นมั่งเลย"
ลูกกอล์ฟเห็นด้วย "เออ..จริงด้วย"
ทั้งสองคนขำๆ
"ปากเหม็นนะคะ รีบมาบริษัทแต่เช้าจนลืมแปรงฟันรึเปล่า?” ปาริฉัตรว่า
ทั้งสองคนชะงักก่อนจะเช็คลมหายใจแล้วพบว่าเหม็นจริง มอลลี่ค้อนปาริฉัตร
"เอ๊า! เม้าท์ต่อ!! อย่างนี้พี่น้องก็มีหวังต้องเปิดศึกชิงนางกันอ่ะดิ" ลูกกอล์ฟบอก
"อ๊ะแน่สิ!! แหมๆๆ แค่คิดก็คึกแล้ว ว่าแต่แกจะเชียร์ใครไอ้ลูกกอล์ฟ...” มอลลี่ถาม
ลูกกอล์ฟชิ่งไปแล้ว จามจุรีมายืนเหล่แทนที่
มอลลี่ประกาศวางมวย "ระหว่างฝ่ายน้ำเงินท่านประธานนาคินทร์ กับฝ่ายแดง ท่านรองนัครินทร์" มอลลี่เงียบ "ว่าไง?? ทำไมไม่ตอบ" มอลลี่หันไปเห็นจามจุรี "แอร๊ย" มอลลี่ไหว้อย่างงดงาม "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเจเจ"
"ร้อยวันพันปีไม่เคยมาทำงานเช้า วันนี้มาได้ไงยะ?” จามจุรีถาม
"ก็แหม...คุณเจเจเก๊าะ...ถามจริงเมื่อคืนนอนหลับเหรอคะ? มอลลี่หลับไม่ลงเลย อยากรู้จริงๆ ว่าเค้าไปกินกันที่ไหน เอ่อ..คือหมายถึง ท่านประธานพาเลขาฯท่านรองไปกินข้าวที่ไหน? อาราย? ยังงาย?”
ปาริฉัตรแทบจะกัดลิ้นตาย
"เธอก็เลยลงทุนมาสอดรู้สอดเห็นแต่เช้า" จามจุรีบอก
"เรียกว่าเกาะติดสถานการณ์ดีกว่า" ลูกกอล์ฟบอก
"ขอบใจมากลูกกอล์ฟ" มอลลี่พูด
"อุตส่าห์มาแต่เช้าก็รีบๆ ไปทำงานให้ได้งานเยอะๆสิยะ แหม...แต่ละนาง ทำงานนิดเดียว แต่สิ้นปีจะเอาโบนัสเยอะๆ - - แย่มาก!” จามจุรีว่า
"อู๊ย!! โบนัสไม่เอา ขอเม้าท์อย่างเดียวก็ฟินแล้วค่ะ คุณเจเจ" มอลลี่บอก
"ไป๊!! ไปทำงาน" จามจุรีพูดกับปาริฉัตร "หนูฉัตร...นี่เอกสารรับพนักงานอย่างเป็นทางการ นำเรียนท่านประธานให้เซ็นต์ด้วยนะจ๊ะ"
ปาริฉัตรปรับอารมณ์ "ได้ค่ะ"
จามจุรีเดินออกไป ปาริฉัตรมองเอกสารในมือก่อนจะรีบเปิดออกแล้วก็เห็นว่าเป็นเอกสารรับพนักงาน มีรูปประกายเดือนแนบอยู่ ปาริฉัตรตาวาวก่อนจะกระชากรูปประกายเดือนมาขยำจนเละ
ปาริฉัตรกัดฟัน "ฉันเกลียดแก! ทำไมแกต้องเข้ามาในชีวิตฉันด้วย...นังประกายเดือน"

ประกายเดือนเงยหน้าฟรึ่บขึ้นมองเมื่อเห็นว่ามีคนเอามือมาท้าวโต๊ะทำงาน ประกายเดือนเห็นว่าเป็นนัครินทร์ที่มีสายตางอน จับผิด และยังจ้องหน้าอกประกายเดือนอีกด้วย
ประกายเดือนรีบเอาแฟ้มปิดหน้าอกแล้วลุกพรวด "มีอะไรให้รับใช้ค่ะ?”
นัครินทร์ทำเสียงเข้ม "เชิญในห้อง"
พูดจบนัครินทร์ก็เดินออกไป ประกายเดือนทำหน้าเบ้
ประกายเดือนด่าเบา ๆ ไล่หลัง "ไอ้ขี้เก๊ก"

ประกายเดือนคว้าอุปกรณ์โน้ตจะเดินออกไปแต่แล้วก็นึกขึ้นได้ เธอติดกระดุมเม็ดบนไล่ไปจนถึงคอ แล้วเชิดเดินหน้าเข้าห้องนัครินทร์ไป

อ่านต่อหน้า 4

เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 2 (ต่อ)

ประกายเดือนเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา แต่ก็ไม่เห็นนัครินทร์อยู่ที่โต๊ะทำงาน

เสียงนัครินทร์ดังขึ้น "ปิดประตูด้วย"
ประกายเดือนสะดุ้งแล้วหันไปอีกมุม นัครินทร์นอนจุ๊ยอยู่บนโซฟายาวในห้องยังกับนอนอยู่บ้าน
"เอ่อ..ไม่ต้องปิดก็ได้มั้งค่ะ?” ประกายเดือนบอก
นัครินทร์ลุกพรวดไปปิดประตูปังแล้วล็อคอีกต่างหาก
ประกายเดือนตั้งท่าระวังตัว "คุณจะทำอะไรน่ะ?”
"จะทำอะไร? ก็จะคุยธุระกับคุณน่ะสิ" นัครินทร์รู้สึกสะดุดตา "แล้วทำไมต้องติดกระดุมด้วย?”
ประกายเดือนตะปบคอเสื้อตัวเอง "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”
"เกี่ยวสิ!! ผมก็อด..เอ๊ย!..คุณเป็นเลขาฯของผม ผมก็อดที่จะต้องเกี่ยวไม่ได้เพราะถ้าคุณแต่งตัวเชยเป็นป้า ผมก็จะขายหน้าไปด้วย"
ประกายเดือนประชด "อ๋อ..เหรอคะ?" ประกายเดือนไหว้อย่างอ่อนช้อยแล้วพูดประชด "ขอบพระคุณมากค่ะท่านรองฯที่ใส่ใจ"
"ไม่ใช่เรื่องแต่งตัวอย่างเดียว เรื่องคุณจะไปทำอะไร? ที่ไหน? เมื่อไหร่? กับใคร? ด้วย" นัครินทร์พูดเลย "เมื่อคืนคุณไปไหนกับพี่คินทร์มา?”
ประกายเดือนเชิดหน้า "ดิฉันคงต้องได้รับอนุญาตจากท่านประธานก่อนถึงจะตอบคำถามนี้ได้"
"เฮ้ย!! ผมเป็นเจ้านายคุณนะฮะ?”
"มันคนละเรื่องกันค่ะ" ประกายเดือนว่า
"เรื่องเดียวกันสิฮะ นี่!! ไหนๆ คุณกับผมเราก็เหมือนคนๆ เดียวกันแล้ว บอกผมมาเหอะว่าเมื่อคืนพี่คินทร์พาคุณไปไหนมา?”
ประกายเดือนเหวอ "ตอนไหนคะ? คนๆ เดียวกัน??ดิฉันกับคุณเป็นคนๆ เดียวกันตอนไหน?”
"เอ๊า!! ก็คุณเป็นเลขาฯส่วนตัวของผม ขอเน้นคำว่า “ส่วนตัว” มันก็เหมือนกับเราสองคนเป็นคนๆ เดียวกันแล้วไง"
ประกายเดือนส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านัครินทร์กล้าพูด "หมดธุระที่จะคุยรึยังคะท่านรอง?”
นัครินทร์ตอบทันที "ยัง!!”
ประกายเดือนรอฟัง
"ผมจะบอกให้เอาบุญว่าคุณน่ะไม่ใช่สเป็กพี่คินทร์หรอก พี่คินทร์เค้าชอบผู้หญิงเรียบๆ ไม่หวือหวาซู่ซ่าอย่างคุณ ที่สำคัญ เขาไม่คิดจะเป็นสมภารกินไก่วัดเด็ดขาด"
ประกายเดือนพยักหน้าหงึกๆ "ไม่เหมือนท่านรองฯ"
นัครินทร์เผลอ "จริง!!" นัครินทร์สะดุ้ง "เฮ้ย!!”
ประกายเดือนพูดทันที "ขอบคุณค่ะที่บอกให้ทราบ ดิฉันเองก็พอจะมองออกว่าท่านประธานเป็นผู้ชายแบบไหนถึงได้ยอมออกไปไหนมาไหนด้วย" ประกายเดือนจิกตามอง "แต่ถ้ากับ ‘ท่านอื่น’--คงต้องคิดหนักหน่อย"
พูดจบประกายเดือนก็สะบัดหน้าออกไปทันที
นัครินทร์ขัดใจ "เว้ย!!”
นัครินทร์ฮึดฮัดกระโดดลงนอนโซฟาอย่างอารมณ์เสียยังกับเด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัว
"อย่านึก!! อย่านึกว่าจะรอด!! ฮึ่ม!!”

ปานตะวันกำลังเข็นรถให้คนไข้แก่ๆ อยู่กลางสวน ปานตะวันส่งลูกบอลบีบบริหารมือให้
"วันนี้อากาศดี คุณตาบริหารมือนิดนึงนะคะ"
คนไข้พยักหน้าอย่างว่าง่าย ปานตะวันสอนให้บีบ คนไข้แอบจับมือ ปานตะวันเอะใจแต่คนไข้เนียนทำไม่สนใจ
"ข้างละ 10 ครั้ง สลับกันนะคะ"
คนไข้พยักหน้าแล้วนั่งบีบไป ปานตะวันมองอย่างใส่ใจก่อนจะเริ่มเหม่อคิด
ปานตะวันนึกถึงคำพูดของนาคินทร์ “เงินเดือนหนึ่งแสน สัญญาหนึ่งปี”
ประกายเดือนนึกถึงตอนที่เธอพูด “ต่อไปนี้เค้าจะดูแลตะวันเอง เค้าจะพาตะวันออกไปจากห้องรูหนูนี่ให้ได้”
“และถ้าระหว่างนั้นคุณทำให้นารถเดินได้ ผมจะให้คุณอีก 5 ล้าน” นาคินทร์บอก
“ทำงานที่เดียวดีกว่าตะวันต้องวิ่งรอกรับจ็อบตั้ง 4-5 ที่ ได้เงินก็นิดเดียวจริงมั้ย?” ประกายเดือนบอ
ทันใดนั้นปานตะวันก็สะดุ้งเพราะได้ยินเสียงร้อง “โอ๊ย!!” ของคนไข้ตาแก่
ปานตะวันรีบปราดไปดู "เป็นอะไรคะคุณตา?”
คนไข้ทำตาปรอยชี้ให้ดูลูกบอลที่ตกอยู่บนพื้นใกล้ ๆ
ปานตะวันยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวตะวันเก็บให้"
ปานตะวันเผลอก้มลงเก็บบอลอย่างไม่ทันระวังตัว คนไข้ตาแก่ยิ้มเจ้าเล่ห์เหล่มองหน้าอกปานตะวันสุดฤทธิ์ ปานตะวันไม่รู้ตัวเงยขึ้นส่งลูกบอลให้
"นี่ค่ะเดี๋ยวคุณตาบีบใหม่..ใจเย็นๆ นะคะ..ไม่ต้องรีบร้อน"
คนไข้จะรับลูกบอลในมือปานตะวันแต่กลับคว้ามือปานตะวันกระชากเข้ามาแล้วตะปบหน้าอกปานตะวันหมับ
ปานตะวันตกใจมาก "ว้าย!! ไอ้บ้า"
ปานตะวันตบหน้าตาแก่เพียะ เมียซึ่งเป็นซ้ออ้วนๆ ของตาแก่โผล่มาเห็นก็กรีดร้องโวยวาย ตาแก่รีบร้องไห้โวยวายอ้อนเมียสุดฤทธิ์
เมียซ้อด่าเป็นสำเนียงจีน "ลื้อตบหน้าผัวอั้วทำไม? ใจดำทำร้ายคนพิการได้ยังไง? ใจยักษ์ ใจมาร ฯลฯ"
"ตะวันเปล่านะคะ สามีคุณนายทำอนาจารกับตะวันต่างหาก"
"อนาจาร? ผัวอั๊วเนี่ยนะจะทำอนาจารลื้อ?? ผัวอั้วอีรักอั๊วจะตาย ลื้อนั่นแหละให้ท่าผัวอั๊ว" ซ้อตบหน้าตะวันเพียะแล้วก็ผลักเธอจนกระเด็น "ไป!! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้" ซ้อหันไปบอกคนรับใช้ "อาจู!! ไล่มันออกไป ไล่มันออกไปเร็ว ๆ เลย"
"ได้ค่ะคุณนาย" อาจูผลักไสไล่ส่งปานตะวันเหมือนหมูหมา "ไปๆๆ ชู่ว์ๆๆ" อาจูลากออกไป
ปานตะวันส่งเสียงร้องเถียงขณะโดนลากออกไป

"ฉันไม่ผิดนะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันไม่ผิด"

นาคินทร์เอื้อมไปแตะรอยเลือดของกนกวลีบนภาพวาดในห้อง

"คนผิด..ก็ต้องรับผิด ผู้หญิงคนนั้นไม่มีวันหนีความผิดที่ทำให้กนกต้องตาย และทำให้พี่ต้องเจ็บปวดทรมานเหมือนกับตายทั้งเป็นแบบนี้ได้หรอก"
เสียงเคาะประตูดังขึ้น นาคินทร์พูดโดยไม่หันไปมอง "เข้ามา"
ปาริฉัตรเปิดประตูเข้ามายืนโดยมีสีหน้าที่ยังแอบงอน
นาคินทร์พูดโดยไม่มอง "คุณฉัตรช่วยหาข้อมูลคอนโดฯ แถว ๆ นี้ให้ผมหน่อย"
ปาริฉัตรอึ้ง
นาคินทร์สั่งต่อ "ขนาดสำหรับอยู่สบาย ๆ 2 คน"
ปาริฉัตรลืมตัว "อะไรนะคะ?”
นาคินทร์หันกลับมามองหน้า "เป็นอะไรรึเปล่า?”
ปาริฉัตรรู้สึกตัว "เอ่อ..ปะ..เปล่าค่ะ"
นาคินทร์พยักหน้าหงึกๆ "ขอด่วนที่สุดนะครับ"
พูดจบนาคินทร์ก็หันไปมองรูปภาพโดยไม่สนใจปาริฉัตร ทิ้งให้ปาริฉัตรมองด้านหลังของท่านประธานที่รักอย่างน้อยใจและเสียใจก่อนจะพรวดออกไป
นาคินทร์มองภาพวาดแล้วพึมพำ
"ปานตะวัน..เธอจะต้องเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า"

ปาริฉัตรวิ่งพรวดมาหน้ากระจกในสภาพน้ำตาทะลัก
"อะไรกัน?ไม่ทันไร นังนั่นมันก็ยั่วจนท่านประธานหลงหัวปักหัวปำถึงขนาดจะซื้อ คอนโดฯให้มันเชียวเหรอ? หึ้ยๆ"
ปาริฉัตรอาละวาดเขวี้ยงปาข้าวของอย่างอารมณ์เสีย ประกายเดือนเดินเข้ามาเห็นก็ชะงักกึกด้วยความตกใจ
"คุณฉัตร!! เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
ปาริฉัตรหันขวับมามองจิกก่อนจะตวาดแว๊ด "ไม่ต้องมายุ่ง!! ไม่ต้องมาดราม่า"
"อ้าว..ถามดีๆ" ประกายเดือนว่า
ปาริฉัตรปราดเข้ามาประชิด "หน้าด้าน!”
ประกายเดือนตกใจ "เฮ่ย?”
"เร็วไปรึเปล่า? เข้ามาทำงานได้ไม่กี่วันก็คิดจะฟันท่านประธานซะแล้ว"
"อะไรนะ?”
"สะเออะจะเล่นของสูง—เจ็บหนักแน่แก!!” ปาริฉัตรว่า
พูดจบปาริฉัตรก็ผลักประกายเดือนกระเด็นไปหัวกระแทกข้างฝาแล้วเดินตัวปลิวออกไป
"เฮ้ย!! กลับมาก่อน" ประกายเดือนเจ็บหัว "อูย.." ประกายเดือนจับหัวแล้วก็มีเลือดติดนิ้วมา "เฮ้ย!!" ประกายเดือนรีบปาดไปส่องกระจกเห็นที่หัวมีแผลเลือดซึมนิด ๆ ตาวาว "นังปาปิก้า..แกตายแน่"
ประกายเดือนพุ่งออกจากห้องน้ำไปทันที

ประกายเดือนจ้ำพรวดพุ่งไปที่โต๊ะทำงานปาริฉัตร
ประกายเดือนตะโกน "นังปาปิก้า"
จามจุรี, มอลลี่, ลูกกอล์ฟ ฮือฮาและทำหน้าตาเลิกลั่ก ทั้งหมดลุกฮือเกาะติดสถานการณ์ ปาริฉัตรนั่งทำงานหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ประกายเดือนตบโต๊ะเปรี้ยงแล้วก็ชี้ไปที่แผลตัวเอง "จะยังไง?”
ปาริฉัตรตาแป๋ว "ยังไง? อะไรคะ?”
"ก็เมื่อกี้..”
นาคินทร์เปิดประตูเข้ามาพร้อมคำถาม
"คุณฉัตรเรื่องคอนโดฯเรียบร้อยรึยัง" นาคินทร์ชะงักเมื่อเห็นประกายเดือน "อ้าว..คุณเดือน"
ประกายเดือนสำรวมกริยา "ท่านประธาน"
"เอ๊ะ!! นั่นศรีษะไปโดนอะไรมาครับ?” นาคินทร์ถาม
ประกายเดือนตวัดสายตามองปาริฉัตรทันที
"คือ..เมื่อกี้..”
ปาริฉัตรลุกขึ้นกุลีกุจอด้วยความเป็นห่วง "ไหนขอฉัตรดูหน่อยนะคะ"
ประกายเดือนเหวอ "เฮ้ย?”
"ไปกระแทกอะไรมาคะ..เลือดซึมเชียว" ปาริฉัตรหันขวับไปหานาคินทร์ "ให้ฉัตรพาไป รพ. ดีมั้ยคะท่านประธาน"
"ดีครับ..คุณฉัตรช่วยพา..”
ประกายเดือนตอบทันที "ไม่ค่ะ..ไม่ต้อง!!”
"อย่าดื้อท่านประธานสิคะคุณเดือน"
"ไม่ต้องค่ะ" ประกายเดือนจ้องหน้า "แค่นี้..จิ๊บๆ รับรอง" ประกายเดือนกัดฟันแล้วพูดเสียงเข้ม "ฉันจัดการได้"
ปาริฉัตรอมยิ้ม "เหรอคะ?”
"ผมว่าไปให้คุณหมอดูซะหน่อยจะดีกว่า" นาคินทร์บอก
"ไม่ต้องหรอกค่ะท่านประธาน เดี๋ยวตอนกลับบ้านเดือนค่อยให้ตะวันดูให้ก็ได้"
นาคินทร์ปิ๊งไอเดียแล้วก็ดูนาฬิกา "นี่ก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว งั้นผมไปส่งคุณเดือนที่บ้านเลยละกันนะครับจะได้ถึงบ้านเร็วหน่อย"
ปาริฉัตรแทบจะเป็นลมพลางคิดในใจว่าอะไรวะ
ประกายเดือนเห็นอาการปาริฉัตรก็ Get จึงยิ้มกริ่ม "ขอบพระคุณท่านประธานค่ะ แต่เดือนไม่อยากรบกวน..โอ๊ะๆ" ประกายเดือนทำท่ามึนนิดๆ
นาคินทร์ปราดเข้าไปประคอง "เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
ปาริฉัตรเหวอ
นาคินทร์สั่ง "คุณฉัตร สั่งเตรียมรถ ผมขับเอง"
"ห๊า..เอ่อ..ท่านประ..”
นาคินทร์ประคองประกายเดือนออกไปทันที
ปาริฉัตรร้องเรียก "ท่านประธานคะ"
ประกายเดือนหันมาหลิ่วตาให้อย่างผู้ชนะ
ปาริฉัตรปริ๊ดแตก "อี..นัง..อีบ้า"
จามจุรี มอลลี่ และลูกกอล์ฟที่เกาะติดสถานการณ์อยู่มีสีหน้าตื่นตาตื่นใจมาก
จามจุรีเผลอ "แซบเว่อร์"
มอลลี่กับลูกกอล์หันมองหน้ากันแล้วหันไปใส่จามจุรี "หรอ?”
จามจุรีสะดุ้งแล้วก็วางฟอร์ม "มายืนทำไรกันเนี้ย? งานการไม่มีทำกันรึไง?”
"ก็ตามคุณเจเจ.มาแหละครับ" ลูกกอล์ฟบอก
จามจุรีเสียฟอร์ม "บ้า!!”
"เราไม่ว่ากันค่ะคุณเจเจ เรื่องแบบนี้ใครไม่อยากจะสาระแนบ้าแล้ว"
"ใช่!! ว๊าย..นี่เธอว่าฉันสาระแนเหรอยะ?? ไปๆๆ ไปทำงาน"
ปาริฉัตรทรุดลงที่โต๊ะทำงาน ด้วยความรู้สึกทั้งน้อยใจ เสียใจและแค้นใจ

ปานตะวันนั่งเซ็งๆ อยู่ในห้อง เพราะเพิ่งถูกเลิกจ้างไปอีกหนึ่งจ็อบ ทันใดนั้นก็มีเสียงไขกุญแจดังขึ้น ปานตะวันหันขวับ
เข้าในว่าเป็นน้องสาว ร้องถามไป "เดือน เดือนรึเปล่า?” พร้อมกับวิ่งไปที่ประตู
พลางตะโกนบอก "พี่เปิดให้จ๊ะ" ปานตะวันเปิดประตูถามโดยไม่ทันมอง "ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง"

ปานตะวันชะงักกึก เมื่อประตูเปิดออกมา ปานตะวันถูกตบผลัวะจนหน้าหัน "ว้าย!”

อ่านต่อ ตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น