xs
xsm
sm
md
lg

Red Hat เพิ่มบริการคลาวด์ใหม่ รับสัญญาณบวกมัลติคลาวด์ไทยบูม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การเพิ่มบริการใหม่ของ Red Hat Cloud Services จะดึงให้เร้ดแฮทสยายปีกคลุมตลาดโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลเลอร์
เร้ดแฮท (Red Hat) ขยายพอร์ตโฟลิโอบริการคลาวด์ คาดการเพิ่มบริการใหม่ของ Red Hat Cloud Services จะดึงให้เร้ดแฮทสยายปีกคลุมตลาดโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลเลอร์ ระบุเป็นการสร้างประสบการณ์ที่สอดคล้องและปรับขนาดได้ เพื่อการพัฒนาแอปพลิเคชันสมัยใหม่ มั่นใจบริการคลาวด์ของเร้ดแฮทลดความซับซ้อนในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด และขับเคลื่อนมูลค่าและความเร็วทางธุรกิจสำหรับนวัตกรรมไอทีระดับองค์กร

สุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทยของเร้ดแฮท กล่าวให้ข้อมูลจากงาน Red Hat Summit 2022 ที่จัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10-11 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ความคาดหวังจากการขยายพอร์ตโฟลิโอบริการคลาวด์ในกลุ่มคลาวด์แมนเนจเซอร์วิสซึ่งมีการประกาศในงานนี้ มีจุดหลักหรือคีย์ของการประกาศเรื่องการนำเร้ดแฮทไปให้บริการโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ ที่จะทำงานกับไฮเปอร์สเกลเลอร์ คาดว่าจะตอบโจทย์ลูกค้ามัลติคลาวด์ ซึ่งหากมองในบริบทตลาดไทย ผู้บริหารเชื่อว่าองค์กรลูกค้าเร้ดแฮทน่าจะให้ความสนใจเรื่องเทคโนโลยีมัลติคลาวด์ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน หลายองค์กรมีการมองหาและดำเนินการอยู่ ซึ่งบริการและมุมมองนี้ของเร้ดแฮทจะเป็นโซลูชันที่ตอบความต้องการได้

“นี่เป็นปัจจัยบวก แต่แน่นอนว่าโควิด-19 ยังอยู่ ปัญหาจากซัปพลายเชนยังมี จุดนี้องค์กรอาจใช้พลับลิกคลาวด์มากขึ้น ทำให้บริการใหม่ช่วยตอบโจทย์ และเป็นเทรนด์ที่เห็นชัดมากขึ้น แต่ข้อจำกัดคือเทคโนโลยีนี้ยังใหม่ หลายองค์กรอาจยังต้องการเวลาเพื่อศึกษาและทดลองว่า บริการใหม่ของเร้ดแฮทจะตอบธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน”

เร้ดแฮท อิงค์ (Red Hat) นั้นการันตีตัวเองเป็นผู้ให้บริการโซลูชันโอเพ่นซอร์สระดับแนวหน้าของโลก และการประกาศความก้าวหน้าใหม่ในพอร์ตโฟลิโอของ Red Hat Cloud Services ถูกระบุว่าจะมอบประสบการณ์ผู้ใช้งานที่มีการจัดการพร้อมประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ ทำให้องค์กรสามารถสร้างปรับใช้จัดการและปรับขนาดคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด

เร้ดแฮทมองว่าสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดยังคงเป็นสาระสำคัญในการดำเนินงานขององค์กรส่วนใหญ่ เห็นได้จากรายงานของไอดีซี (IDC) บริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมระบุว่า “ภายในปี 2567 องค์กร 50% จะใช้ แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นจากแนวคิดการให้บริการคลาวด์ รวมทั้งเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟ ช่วยให้เกิดความสอดคล้องในการทำงานจากทุกสถานที่ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม” จากการที่องค์กรต่างๆ ต้องพยายามอย่างหนักในการสร้างประสบการณ์เชิงนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้องค์กรจำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริด เพื่อช่วยบรรเทาความซับซ้อนที่มาพร้อมกับความต้องการปรับขยายได้

Red Hat Cloud Services จึงออกแบบมาเพื่อจัดการกับความซับซ้อนของไฮบริดคลาวด์ ขณะนี้องค์กรต่างๆ กำลังเผชิญกับความท้าทาย เช่น การแพร่กระจายของแอปพลิเคชัน (application sprawl) และการรองรับแอปพลิเคชันที่อินเทอร์เฟซผู้ใช้และรหัสการเข้าถึงข้อมูลถูกรวมเอาไว้ในสภาพแวดล้อม และใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน (monolitic application support) ดังนั้น หากต้องการจะประสบความสำเร็จ องค์กรจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ลดเวลาการส่งมอบและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ด้วย

เพื่อเป็นการสนับสนุนความพยายามขององค์กรในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ เร้ดแฮทจึงใช้เวทีงานนี้ประกาศถึงบริการด้านคลาวด์ใหม่ ได้แก่ Red Hat OpenShift Service Registry ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทีมพัฒนาเผยแพร่ ค้นหา ตลอดจนนำ application programming interfaces (APIs) และแบบแผนจำลองมาใช้ซ้ำ และ Red Hat OpenShift Connectors ที่ให้การเชื่อมต่อที่สร้างไว้ล่วงหน้า ไปยังระบบต่างๆ ของบุคคลที่สาม และเปิดใช้การผสานการทำงานแบบไม่มีโค้ดกับ Red Hat OpenShift Streams สำหรับ Apache Kafka

 สุพรรณี อำนาจมงคล
ยังมีบริการ Red Hat OpenShift Database Access ที่มอบประสบการณ์การใช้ Database as a Service (DBaaS) ที่สอดคล้องกันในทุกสภาพแวดล้อม ไฮบริดคลาวด์ ช่วยให้ผู้ดูแลระบบ OpenShift สามารถจัดเตรียมและจัดการการเข้าถึงบริการฐานข้อมูลบุคคลที่สามได้อย่างง่ายดาย และทำให้นักพัฒนาสามารถจัดเตรียมและเข้าถึงฐานข้อมูลบนคลาวด์ได้ง่ายขึ้น

เร้ดแฮทย้ำว่า พอร์ตโฟลิโอ Red Hat Cloud Services ได้รับการผสานรวมอย่างแนบแน่นกับ Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Kubernetes ระดับองค์กรชั้นนำของอุตสาหกรรม เป็นพื้นฐานสำหรับการปรับปรุง แอปพลิเคชันที่มีอยู่ให้ทันสมัย สร้างคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชัน ให้การพัฒนาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการเพิ่มความชาญฉลาดให้แอปพลิเคชัน และการผสานรวมกับบริการต่างๆ ของบริษัทอื่นๆ

นอกจากนี้ เร้ดแฮทยังได้ประกาศการปรับปรุงบริการ Cloud Services ที่มีอยู่ เช่น Red Hat OpenShift Data Science เป็นบริการระบบคลาวด์ที่มีการบริหารจัดการสำหรับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักพัฒนา ซึ่งมีแซนด์บ็อกซ์ที่ได้รับการรองรับอย่างเต็มรูปแบบในการพัฒนา ฝึกฝนและทดสอบโมเดล แมชชีนเลิร์นนิง (ML) ได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้พร้อมให้บริการเป็นส่วนเสริมสำหรับ OpenShift Dedicated และ Red Hat OpenShift Service สำหรับลูกค้า AWS แล้ว นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการอัปเดตเพื่อปรับปรุงการรองรับการปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งรวมถึง PCI ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงภายในเครื่องกับระบบประมวลผลกลางของ คอมพิวเตอร์ด้วย ทั้งนี้ ลูกค้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชัน ISV ที่มีการบริหารจัดการจาก Starburst ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านข้อมูลชั้นนำได้ภายในปีนี้

ขณะที่ Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka เป็นบริการ Kafka ที่มีการบริหารจัดการและโฮสต์อย่างเต็มรูปแบบ รองรับการจัดการข้อมูลประจำตัว และการเข้าถึงอย่างละเอียด ตลอดจนการเข้าถึงตัวชี้วัดและการตรวจสอบแดชบอร์ด นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการรับรองต่างๆ ด้าน PCI เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ดียิ่งขึ้น

ด้าน Red Hat OpenShift API Management ทำให้สามารถพัฒนาและปรับใช้ แอปพลิเคชันที่เน้น API ได้อย่างรวดเร็วผ่านบริการที่โฮสต์และจัดการ OpenShift API Management ที่อยู่ใน Developer Sandbox for Red Hat OpenShift สำหรับการทดลองใช้งาน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการอัปเดตเพื่อปรับปรุงการรองรับความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนด รวมถึงการรับรอง PCI, ISO และ SOC2 ตลอดจนการพรีวิวของผู้ออกแบบ API อีกด้วย

ปัจจุบัน องค์กรชั้นนำ เช่น BITMARCK, Boston University และ electrical training ALLIANCE ใช้ประโยชน์จากบริการคลาวด์ของเร้ดแฮทในการออกแบบ ปรับใช้ บริหารจัดการ และปรับขนาดคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชัน บริการเหล่านี้ทำให้ความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานและการรองรับเปลี่ยน ไปยังเร้ดแฮทที่โฮสต์และให้การบริหารจัดการคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ และมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่

ความคืบหน้าล่าสุดของ Red Hat คือการเปิดตัว Red Hat Enterprise Linux 9 แพลตฟอร์มที่เร้ดแฮทเชื่อว่าจะสร้างนิยามใหม่ให้เทคโนโลยีที่เป็นจุดศูนย์กลางของนวัตกรรม จุดขายคือการเป็นแพลตฟอร์ม Linux ชั้นนำของโลกที่ใช้ในองค์กรได้จับคู่กับโค้ดที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ด้วยบริการต่างๆ บนคลาวด์ เป็นพลังขับเคลื่อนเวิร์กโหลดในสภาพแวดล้อมการผลิตทั้งแบบดั้งเดิมและรุ่นใหม่ จุดนี้ Red Hat Enterprise Linux 9 ชี้ว่าได้รับการออกแบบสำหรับการประมวลผลที่เอดจ์ (edge) และมัลติคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและบริหารจัดการได้ทุกที่ที่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นในดาต้า เซ็นเตอร์ บนคลาวด์ หรือที่ edge โดย Red Hat Enterprise Linux ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากการคาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้ Red Hat Enterprise Linux ในภาพรวมจะแตะระดับที่สูงกว่า 13 ล้านล้านเหรียญในปี 2565


กำลังโหลดความคิดเห็น