xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : เปิดลึก พปชร.เท “เอ๋-ปารีณา” ไม่เอา "ไกรคุปต์"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2565 ตอน เปิดลึก พปชร.เท “เอ๋-ปารีณา” ไม่เอา "ไกรคุปต์"



พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแชมป์เก่าเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 ราชบุรี เมื่อปี 2562 ตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขตแทน ปารีณา ไกรคุปต์ งานนี้ทำเอางงกันเป็นไก่ตาแตก

เพราะเขตเลือกตั้งที่ 3 อ.โพธาราม และ อ.จอมบึง โดยเฉพาะ อ.จอมบึงที่มีประชากรจำนวนมาก เป็นฐานที่มั่นสำคัญของพ่อลูกตระกูลไกรคุปต์ ทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.หลายสมัย กับ ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ผูกสัมปทานชนะมาหลายปีดีดัก

แต่พรรคพลังประชารัฐกลับไม่ส่งคนลงไปรักษาพื้นที่ ซะยังงั้น

ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่มี บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธาน ให้เหตุผลการโบกมือไม่สู้ศึกว่า หาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมไม่ทัน และบุคคลที่ถูกเสนอชื่อคือ พี่ชายของ เอ๋-ปารีณา เป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วัน

เหตุผลพอรับฟังได้ เพียงแต่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ เพราะ เอ๋-ปารีณา ถูกศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ร่วมปี ต้องมีการเตรียมการเอาไว้รองรับอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นไว้บ้าง แต่พรรคพลังประชารัฐกลับอ้างว่า เอ๋-ปารีณาไม่ได้คิดมาก่อนว่า จะกระเด็นตกเก้าอี้เร็วแบบนี้

เรื่องนี้มีอะไรในกอไผ่มากกว่าเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ที่ไม่ครบ 90 วันตามกฎหมายกำหนด โดยเฉพาะมันเกี่ยวโยงความขัดแย้งภายในของ 2 นางพญา จ.ราชบุรี ของพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นปัจจัยสำคัญให้พรรคพลังประชารัฐต้องยอมเสียหน้า ขอบายรายการเลือกตั้งซ่อมสนามนี้

ย้อนกลับในการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 จ.ราชบุรี เมื่อปี 2562 เอ๋-ปารีณา เอาชนะผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์คือ สจ.เส็ง ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ แบบขาดกระจุย โดย เอ๋-ปารีณา ได้ไปถึง 4.6 หมื่นคะแนน ขณะที่ สจ.เส็ง ได้เพียง 2 หมื่นกว่าๆ

เอ๋-ปารีณา และตระกูลไกรคุปต์ ยึดครองในพื้นที่นี้มานาน โดยเฉพาะ อ.จอมบึง ได้คะแนนถล่มทลายตลอด ขณะที่ อ.โพธาราม ถือเป็นจุดอ่อนของบ้านไกรคุปต์ ตรงกันข้ามมันคือ ฐานที่มั่นของ สจ.เส็ง และตระกูลกมลพันธ์ทิพย์

ในการเลือกตั้งปี 2562 สจ.เส็ง อาศัย อ.โพธารามเป็นฐานที่มั่น พร้อมกับหมายมั่นจะเจาะพื้นที่ อ.จอมบึง ด้วยการลุยเข้าไปเต็มที่ เพียงแต่กระสุนของเขาเจาะไม่เข้า

ส่วนหนึ่งอย่างที่รับรู้กันดีว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐมีความได้เปรียบในหลายพื้นที่ เพราะมีอำนาจพิเศษเข้ามาช่วยอยู่ข้างหลัง ในการบล็อกหัวคะแนนของฝั่งตรงข้าม ไม่ให้สามารถออกอาวุโสได้สะดวก

สจ.เส็ง เป็นหนึ่งคนที่ถูกบล็อก แม้แต่ อ.โพธาราม ฐานที่มั่นยังโดน เอ๋-ปารีณา ทะลวงเอาคะแนนไปได้มาก คะแนนจึงขาดวิ่นดังที่ปรากฎ

แต่ในปัจจุบันสถานการณ์มันเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะการที่ เอ๋-ปารีณา แตกหักกับบ้านใหญ่ จ.ราชบุรีของตระกูล “นิติกาญจนา” ทำให้การป้องกันแชมป์ไม่ง่าย

จุดแตกหักระหว่าง เอ๋-ปารีณา กับบ้านใหญ่ จ.ราชบุรี มาจากการที่ เอ๋-ปารีณา ประกาศไปช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรีของอีกฝั่ง เพื่อแข่งกับ กำนันตุ้ย-วิวัฒน์ นิติกาญจนา สามี บุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ

ตรงกันข้าม เป็น สจ.เส็ง คู่แข่งของ เอ๋-ปารีณา ในสนามเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 ที่หันมาช่วย กำนันตุ้ย-บุญยิ่ง สู้ศึกเลือกตั้งนายกอบจ.ราชบุรี จนได้รับชัยชนะแบบถล่มทลาย

ขณะเดียวกัน ภายหลังการเลือกตั้ง นายกอบจ.ราชบุรี กำนันตุ้ย ได้แต่งตั้งเครือญาติของ สจ.เส็ง คือ อดีตประธานสภา อบจ.ราชบุรี ขึ้นมาเป็นรองนายก อบจ.ราชบุรี เพื่อเป็นการตอบแทนที่มาช่วยศึก

แน่นอนว่า ในทางปฏิบัติบ้านนิติกาญจนา ต้องถือหาง สจ.เส็ง ที่ถือเป็นทีมเดียวกันไปแล้ว แม้จะอยู่คนละพรรคก็ตาม ยิ่งมีความขัดแย้งกับ เอ๋-ปารีณา ด้วย การป้องกันแชมป์ของพรรคพลังประชารัฐต้องเสียเปรียบ

นอกจากนี้ เอ๋-ปารีณาต้องเหนื่อยเพิ่มมากขึ้น เมื่อนอมินีของฝั่งตัวเองไม่มีประเภทดาวฤกษ์เลย พี่ชายเองก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงลงสมัคร เพราะนั่งเก้าอี้ฝ่ายบริหารในท้องถิ่นอยู่ หากทิ้งเก้าอี้ดังกล่าวมาเสี่ยง สุดท้ายอาจจะไม่เหลืออะไรในมือเลย

ว่ากันว่า เอ๋-ปารีณา เสนอชื่อคนในทีมงานของตัวเองให้กับพรรคพลังประชารัฐ แต่ผู้บริหารไม่เอาด้วย เพราะเห็นว่า โนเนมเกินไป สู้กับ สจ.เส็ง ลำบาก

ขณะที่ดาวดัง คนมีชื่อเสียงอื่นที่พอมีใน จ.ราชบุรี ก็ติดปัญหาเรื่องการเป็นสมาชิกพรรค 90 วัน เพื่อจะลงแข่งได้

เช่นเดียวกับกระสุนดินดำที่ใช้ในการเลือกตั้งต่อครั้งที่อย่างน้อยต้องมี 20 กิโลฯ แกนนำในพรรคพลังประชารัฐเห็นว่า ไม่คุ้มที่จะเสียไป เมื่อเทียบกับอายุรัฐบาลและสภาฯที่เหลืออีกไม่กี่เดือน

ทุ่มกระสุนลงไป แถมยังไม่ชัวร์ที่จะชนะ เพราะมีโอกาสแพ้เยอะกว่า สุดท้ายทุกคนจึงตัดสินใจว่า ควรจะหลบโดยการไม่ส่งผู้สมัคร โดยหาเหตุเรื่องสมาชิกพรรค 90 วันมาอ้าง

เนื่องจากมีการประเมินกันว่า หากส่งไปทั้งที่รู้ว่าเปอร์เซ็นต์แพ้สูง ไม่เพียงแค่เสียทรัพยากร แต่เสียหน้าด้วย เพราะก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐ แพ้มาถึง 3 สนามติดต่อกัน คือ ชุมพร สงขลา และหลักสี่ กทม.

หากต้องแพ้ซ้ำซากอีกสนาม มันจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคในภาพรวม ที่ทำให้ถูกเอามาขยี้ทางการเมืองว่า อยู่ในช่วงขาลง จนเป็นอุปาทานหมู่ไปถึงสนามเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

แม้พ่อ-ลูก บ้านไกรคุปต์ จะพยายามล็อบบี้ บิ๊กป้อม อย่างหนักจนวินาทีสุดท้ายเพื่อให้เปลี่ยนใจ แต่นายใหญ่แห่งพรรคพลังประชารัฐยืนยันหนักแน่นว่า สภาพไม่พร้อมจริงๆ

เสียรังวัดที่ไม่ส่ง ดีกว่าไปเสียหน้าอีกสนาม

-----------------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น