xs
xsm
sm
md
lg

GDH ทุ่ม 200 ล้านลุยผลิต 5 เรื่อง ปั้น "บุพเพฯ 2" นิวโมเดลลุ้นพันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - จีดีเอชทุ่มทุน 200 ล้านบาทส่งหนัง 5 เรื่องลุยปี 65 ปักธง “บุพเพสันนิวาส 2” โกยรายได้จากโรงหนังทะลุพันล้าน สร้างปรากฏการณ์ตามรอย “พี่มากพระโขนง” พร้อมชูเป็นโมเดลทำหนังในปีต่อๆ ไป มั่นใจปีนี้รายได้บริษัทพุ่งสู่ 700-1,000 ล้านบาท จากปีก่อนปิดที่ 258 ล้านบาท จากหนัง 2 เรื่อง

นางสาวจินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2564 ที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้บริษัทลงทุนทำหนังออกมาเพียง 2 เรื่อง คือ โกสต์แล็บ ฉีกกฎทดลองผี และร่างทรง ซึ่งได้รับผลตอบรับพอสมควร บวกกับมีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในแพลตฟอร์มต่างๆ ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จประมาณหนึ่ง ไม่ขาดทุน หรือมีรายได้ราว 258 ล้านบาท และมีกำไร 40 ล้านบาท
 


ส่วนแผนในปี 2565 นี้ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท กับหนัง 5 เรื่อง ต้นปีฉายไปแล้ว 1 เรื่อง คือ Fast & FEEL LOVE เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ ในไทยอาจจะดูนิ่งๆ แต่ประสบความสำเร็จอย่างมากในต่างประเทศ ซึ่งได้ฉายในเทศกาล International Film Festival ทั้งในสหรัฐอเมริกา, จีน และยุโรป และอื่นๆ ที่จะตามมาอีกหลังจากนี้

ส่วนหนังอีก 4 เรื่องจะฉายในครึ่งปีหลัง แบ่งเป็น หนังรัก 3 เรื่อง และหนังผี 1 เรื่อง คือ1. บุพเพสันนิวาส 2 เข้าฉาย 28 กรกฎาคมนี้, 2. OMG! Oh My Girl (Working Title) เป็นการร่วมกันระหว่าง GDH กับ Hello Filmmaker และ iSM กำกับโดย พงศ์-ฐิติพงศ์ เกิดทองทวี นำแสดงโดย จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน, สกาย-วงศ์รวี นทีธร และพีช-พชร จิราธิวัฒน์ เข้าฉายกันยายนนี้, 3.Home For Rent เป็นหนังผี นำแสดงโดย เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารส, มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน เข้าฉายเดือนตุลาคมนี้ และ 4. You & Me ที่เข้าฉายในเดือนธันวาคม


นางสาวจีนา กล่าวต่อว่า บริษัทมีความตั้งใจกับหนังเรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 อย่างมาก เชื่อว่าจะเป็นหนังอีก 1 เรื่องที่จะสร้างปรากฏการณ์ตามรอย “พี่มากพระโขนง” ที่จะทำรายได้จากการเข้าฉายทะลุ 1,000 ล้านบาท หากเป็นไปตามนั้นจะเป็นรายได้ที่กลับเข้าสู่บริษัทราวๆ 400-500 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ลงทุนด้านโปรดักชันไปหมดแล้ว 100 กว่าล้านบาท แต่ถ้าทั้งโปรเจกต์จะมีการต่อยอดไปถึงตลาดต่างประเทศ มีการทำเมอร์ชันไดซ์ และอื่นๆ ตามมา รวมแล้วน่าจะลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

“โมเดลการทำหนังแบบ บุพเพสันนิวาส 2 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนทำหนังในปีต่อๆ ไป ซึ่งรอดูการตอบรับก่อน ซึ่งแผนของ GDH จะมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น พร้อมลงทุนกับพันธมิตร เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป คู่แข่งอย่างสตรีมมิ่งมีมากขึ้น การทำงานของบริษัทจึงมุ่งไปข้างหน้า โดยปี 2566 เตรียมไว้ 4 เรื่อง จากปกติลงทุนปีละ 100 ล้านบาท กับหนัง 3 เรื่อง”

ทั้งนี้ ในส่วนของ บุพเพสันนิวาส 2 นั้น ในเดือนพฤษภาคมนี้ GDH กับทางบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ได้ร่วมสร้างปรากฏการณ์เปิดโอกาสให้ผู้ชมและนักลงทุนมีส่วนร่วมเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ไทย “บุพเพสันนิวาส 2” ด้วยการร่วมลงทุนกับ “เหรียญบุพเพ 2” (Destiny Token) ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน 2.99% ต่อปี พร้อมสิทธิ์รับเงินต้นคืนเมื่อจบโครงการ (ไม่เกิน 2 ปี) พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย และหากหนังทำรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท จะได้ผลตอบแทนออนท็อปเพิ่มให้อีก 2.01% โดยตั้งเป้าระดมทุนไว้ 265 ล้านบาท 


สำหรับเหรียญบุพเพสันนิวาส 2 ประกอบด้วย 1. เหรียญ G “I am Glad” ราคา 5,559 บาท จะได้ดูหนังรอบพิเศษก่อนเข้าฉายจริง โดยผู้ที่ถือโทเคนสามารถเข้าจองตั๋วในระบบเอสเอฟได้ทั่วประเทศ 2. เหรียญ D “I am Delighted” ราคา 155,559 บาท จะได้ชมภาพยนตร์และร่วมกิจกรรมในโรงภาพยนตร์กับผู้กำกับ และนักแสดงนำจากภาพยนตร์ และ 3. เหรียญ H “I am Happy Token” ราคา 1,555,559 บาท จะได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อพิเศษ พร้อมถ่ายรูปที่ระลึก ซึ่งทั้ง 3 เหรียญยังได้รับของที่ระลึกพิเศษจากภาพยนตร์ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ โดยเหรียญจะเปิดขายในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้

“จากผลงานหนัง 5 เรื่อง และรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อีกทางหนึ่ง เชื่อว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 700 ล้านบาท แต่คาดหวังไว้จริงๆ ที่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับกระแสของบุพเพสันนิวาส 2 ซึ่งมองว่าเฉพาะบุพเพสันนิวาส 2 อย่างต่ำน่าจะได้ 400-500 ล้านบาท และอื่นๆ อีก 500 ล้านบาท” นางสาวจีนากล่าว

**'ย้ง' หมดแพสชันกับนาดาว
นางสาวจีนายังกล่าวถึงกรณีนาดาวยุติบทบาทลงด้วยว่า สาเหตุที่นาดาวปิดนั้น มีการพูดคุยกับ “ย้ง” กันมา 2 ปีแล้ว โดยเกิดจากที่ตัว “ย้ง” เองหมดแพสชัน ไม่อยากทำพาร์ตนี้แล้ว หมายถึงในส่วนของการหา พัฒนา และดูแลศิลปิน กับที่ต้องดูแลอยู่ 30-40 คน แต่ทั้งนี้ “ย้ง” เองยังมีสิ่งอื่นที่อยากทำในอนาคต หากฝืนทำตรงนี้ต่อไปก็อาจจะออกมาไม่ดี อย่างไรก็ตาม การยุติบทบาทของนางดาวนั้น ไม่ได้เกิดจากปัญหาใดๆ ไม่ได้มีการทะเลาะกัน ที่สำคัญ “ย้ง” ยังอยู่กับ GDH แม้วันนี้นาดาวยุติบทบาท แต่ไม่ได้ปิดบริษัท รอดูว่า “ย้ง” จะทำอะไรใหม่ๆ ออกมา หรืออาจจะกลับมาทำนาดาวเหมือนเดิมก็ได้ในอนาคต ทั้งนี้ ที่ผ่านมานาดาวให้เรามามากทั้งชื่อเสียง เงินทอง วันนี้ขอย้ำว่า นาดาวยังอยู่ และ "ย้ง" ยังถือหุ้นใหญ่ ส่วน GDH ถือหุ้นอยู่ 30% แต่วันนี้ขอพักและมองหาแพสชันใหม่ๆ เชื่อว่า "ย้ง" เองจะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาให้ได้รับชมกันต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น