ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันอังคาร (3 พ.ค.) ส่งสัญญาณเตือนถึงตะวันตกว่า เขาอาจยกเลิกข้อตกลงต่างๆ ระงับการส่งออกผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบสำคัญ ในมาตรการตอบโต้หนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเครมลินต่อมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานประเทศของพวกเขา โดยสหรัฐฯ และพันธมิตร ต่อกรณีรุกรานยูเครน
ปูติน ลงนามในกฤษฎีกาฉบับหนึ่งเมื่อวันอังคาร (3 พ.ค.) ซึ่งเปิดทางห้ามส่งออกผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไปยังบุคคล บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตร ที่เขาสั่งให้รัฐบาลร่างบัญชีดังกล่าวขึ้นมาภายใน 10 วัน
กฤษฎีกาฉบับนี้ให้อำนาจมอสโกในการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความวุ่นวายทั่วตลาด เนื่องจากพวกเขาสามารถระงับส่งออกหรือฉีกสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท หรือบุคคลที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตรได้ทุกเมื่อ
รัฐบาลรัสเซียมีเวลา 10 วันร่างรายชื่อพวกที่จะถูกคว่ำบาตร นอกเหนือจากบรรดานักการเมืองตะวันตกที่ถูกคว่ำบาตรไปก่อนหน้านี้
ชัดเจนว่า ปูติน ใช้กฤษฎีกาฉบับนี้ตอบโต้ในสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นความเคลื่อนไหวผิดกฎหมายของสหรัฐฯ และตะวันตก ที่มีเจตนากีดกันสหพันธรัฐรัสเซีย พลเมืองสหพันธรัฐรัสเซีย และบริษัทหรือองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัสเซีย จากสิทธิในทรัพย์สินและจำกัดสิทธิในทรัพย์สินของพวกเขา
กฤษฎีกาฉบับนี้กำหนดกรอบมาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ ในความเกี่ยวข้องความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตรของรัฐต่างชาติบางประเทศและองค์กรระหว่างประะเทศบางแห่ง
มาตรการใหม่นี้ห้ามหน่วยงานรัฐบาล องค์กรและบุคคลต่างๆ จากการทำธุรกรรม (ในนั้นรวมถึงลงนามสัญญาค้าขายภายนอก) กับบริษัท บุคคลและองค์กรต่างๆ ที่อยู่ในบัญชีดำที่จัดทำขึ้นมาใหม่
รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ กระตุ้นให้สหรัฐฯ และพันธมิตร กำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเล่นงานรัสเซีย เช่นเดียวกับบรรดาบุคคลทรงอิทธิพลทั้งทางธุรกิจและการเมืองของรัสเซีย มาตรการที่ปูตินให้คำจำกัดความว่าเป็นการประกาศสงครามทางเศรษฐกิจ
ความพยายามของตะวันตกในการโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจเล่นงานรัสเซีย หนึ่งในชาติผู้ผลิตทรัพยากรทางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ฉุดลากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่สถานการณ์ล่อแหลม โหมกระพือราคาน้ำมันพุ่งทะยานและก่อเสียงเตือนเกี่ยวกับวิกฤตขาดแคลนอาหาร
ปูติน เคยออกมาเตือนซ้ำๆ ว่ามอสโกจะตอบโต้ในรูปแบบนี้ แม้ที่ผ่านมาจนกระทั่งวันอังคาร (3 พ.ค.) มาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงที่สุดของเครมลินคือตัดการส่งมอบก๊าซธรรมชาติที่ป้อนแก่โปแลนด์และบัลแกเรีย และเรียกร้องให้บรรดาผู้ซื้อยุโรปจ่ายค่าก๊าซเป็นสกุลเงินรูเบิล ผ่านกลไกชำระเงินแบบใหม่
กฤษฎีกาในวันอังคาร (3 พ.ค.) ห้ามส่งออกผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไปยังบุคคล องค์กรหรือบริษัทต่างๆ ที่เครมลินคว่ำบาตร และห้ามทำธุรกรรมใดๆ กับบุคคล องค์กรหรือบริษัทต่างๆ เหล่านี้ แม้ยังคงอยู่ภายใต้สัญญาในปัจจุบันก็ตาม
ประธานาธิบดีรัสเซียมอบหมายให้รัฐบาลร่างรายชื่อบุคคลชาวต่างชาติและบริษัทต่างๆ ที่จะถูกคว่ำบาตร เช่นเดียวกับกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม สำหรับการทำธุรกรรมใดๆ ที่อาจอยู่ภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว
นับตั้งแต่ตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เศรษฐกิจมูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแห่งนี้ กำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอยเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ช่วงหลายขวบปีหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตปี 1991 ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้น
(ที่มา : รอยเตอร์/อาร์ทีนิวส์)
