พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมคณะทำงาน บก.ปปป. ร่วมประชุมหารือแนวทางการตรวจสอบคลิปเสียงลับที่ถูกอ้างถึงนักร้องเรียน-นักการเมืองชื่อดัง ที่เรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล หลังจากนายเอก (สงวนชื่อนามสกุล) คนขับรถบอสพอลนำมือถืออีกเครื่องมามอบให้ตำรวจ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า วันนี้ (21 ต.ค.) มีการประชุม 2 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่าง ป.ป.ช., ป.ป.ท., ปปป. ในการที่จะคลี่คลายเรื่องของรถโรงเรียนไฟไหม้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่น่าจะเข้าข่ายในการกระทำความผิด โดยการประชุมเรื่องนี้ ครั้งที่ 3 เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ตรวจสอบรถอย่างละเอียด รวมไปถึงการตรวจสอบการวางถังแก๊สให้ได้มาตรฐาน จนทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้
ส่วนเรื่องที่ 2 คือ คดีดิไอคอน กรุ๊ป ที่กำลังเร่งดำเนินการตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ยืนยันว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุด และจะโปร่งใสเป็นธรรมตรวจสอบได้ และข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากเพจเฟสบุ๊ก หรือกลุ่มที่ช่วยเหลือประชาชนต่างๆ ยืนยันว่า มีทั้งข้อมูลจริงและไม่จริง แต่ยังไม่อยากกล่าวหาว่าใครไม่จริงอย่างไร ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ส่วนในเรื่องรายละเอียดต่างๆ ขอยังไม่เปิดเผย ขอประชุมหารือก่อนว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร
ส่วนเรื่องมือถือเครื่องแรกของบอสพอล มีการเปิดและดึงข้อมูลออกมาแล้ว ส่วนเครื่องที่สองกำลังดำเนินการอยู่ เพราะมีเพียงบอสพอลที่ทราบรหัสผ่าน แต่ตอนนี้ บอสพอล ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ และยังอยู่ในแดนกักโรค จึงยังไม่สามารถเข้าไปพบและสอบปากคำ พร้อมกับขอรหัสเปิดโทรศัพท์มือถือได้ จึงมีการประสานข้อมูลที่จะเข้าไปเจรจาพูดคุยกับ บอสพอล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกักโรค ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2567 และจะมีการสอบปากคำ 18 บอสผู้ต้องหา ในวันดังกล่าว
คลิปเสียงโยงไปถึงนักการเมืองจะหนักใจหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งระหว่างการประชุมจะมีการเปิดคลิปเสียงให้กับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ร่วมดูด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าตำรวจทำงานอย่างโปร่งใส ยืนยันหากโยงไปถึงใครไม่มีละเว้น
นอกจานี้ มีรายงานว่า มีบุคคลที่ตบทรัพย์ ดิไอคอน เป็นนักร้องเรียนหญิง แต่ไม่ได้อยู่ในวงการการเมือง มีพฤติกรรมกล่าวอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแชร์ โดยได้มีการตบทรัพย์บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ไป 10 ล้านบาท และมักอ้างว่ารู้จักคนระดับใหญ่โตที่มียศ แต่ไม่ถึงขนาดรู้จักกับระดับรัฐมนตรี แต่บุคคลที่ผู้หญิงคนนี้แอบอ้างว่ารู้จักนั้น สามารถทำให้บริษัทเดือดร้อนได้ บริษัทจึงได้จ่ายเงินไปจำนวน 10 ล้านบาท และมักจะขอเพิ่ม โดยให้จ่ายเป็นลักษณะการจ่ายผ่านมูลนิธิ และบุคคลนี้ยังเคยไปแจ้งความที่ บก.ปคบ. ช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ร้องเรียนใส่ร้ายบริษัท จากนั้น บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ก็เคยไปแจ้งความว่าถูกรีดเอาทรัพย์ แต่หลังจากนั้น ไปถอนแจ้งความเพราะกลัว เนื่องจากถูกบุคคลนี้ข่มขู่หลายอย่าง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า วันนี้ (21 ต.ค.) มีการประชุม 2 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่าง ป.ป.ช., ป.ป.ท., ปปป. ในการที่จะคลี่คลายเรื่องของรถโรงเรียนไฟไหม้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่น่าจะเข้าข่ายในการกระทำความผิด โดยการประชุมเรื่องนี้ ครั้งที่ 3 เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ตรวจสอบรถอย่างละเอียด รวมไปถึงการตรวจสอบการวางถังแก๊สให้ได้มาตรฐาน จนทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้
ส่วนเรื่องที่ 2 คือ คดีดิไอคอน กรุ๊ป ที่กำลังเร่งดำเนินการตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ยืนยันว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุด และจะโปร่งใสเป็นธรรมตรวจสอบได้ และข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากเพจเฟสบุ๊ก หรือกลุ่มที่ช่วยเหลือประชาชนต่างๆ ยืนยันว่า มีทั้งข้อมูลจริงและไม่จริง แต่ยังไม่อยากกล่าวหาว่าใครไม่จริงอย่างไร ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ส่วนในเรื่องรายละเอียดต่างๆ ขอยังไม่เปิดเผย ขอประชุมหารือก่อนว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร
ส่วนเรื่องมือถือเครื่องแรกของบอสพอล มีการเปิดและดึงข้อมูลออกมาแล้ว ส่วนเครื่องที่สองกำลังดำเนินการอยู่ เพราะมีเพียงบอสพอลที่ทราบรหัสผ่าน แต่ตอนนี้ บอสพอล ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ และยังอยู่ในแดนกักโรค จึงยังไม่สามารถเข้าไปพบและสอบปากคำ พร้อมกับขอรหัสเปิดโทรศัพท์มือถือได้ จึงมีการประสานข้อมูลที่จะเข้าไปเจรจาพูดคุยกับ บอสพอล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกักโรค ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2567 และจะมีการสอบปากคำ 18 บอสผู้ต้องหา ในวันดังกล่าว
คลิปเสียงโยงไปถึงนักการเมืองจะหนักใจหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งระหว่างการประชุมจะมีการเปิดคลิปเสียงให้กับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ร่วมดูด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าตำรวจทำงานอย่างโปร่งใส ยืนยันหากโยงไปถึงใครไม่มีละเว้น
นอกจานี้ มีรายงานว่า มีบุคคลที่ตบทรัพย์ ดิไอคอน เป็นนักร้องเรียนหญิง แต่ไม่ได้อยู่ในวงการการเมือง มีพฤติกรรมกล่าวอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแชร์ โดยได้มีการตบทรัพย์บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ไป 10 ล้านบาท และมักอ้างว่ารู้จักคนระดับใหญ่โตที่มียศ แต่ไม่ถึงขนาดรู้จักกับระดับรัฐมนตรี แต่บุคคลที่ผู้หญิงคนนี้แอบอ้างว่ารู้จักนั้น สามารถทำให้บริษัทเดือดร้อนได้ บริษัทจึงได้จ่ายเงินไปจำนวน 10 ล้านบาท และมักจะขอเพิ่ม โดยให้จ่ายเป็นลักษณะการจ่ายผ่านมูลนิธิ และบุคคลนี้ยังเคยไปแจ้งความที่ บก.ปคบ. ช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ร้องเรียนใส่ร้ายบริษัท จากนั้น บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ก็เคยไปแจ้งความว่าถูกรีดเอาทรัพย์ แต่หลังจากนั้น ไปถอนแจ้งความเพราะกลัว เนื่องจากถูกบุคคลนี้ข่มขู่หลายอย่าง