นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) จะมีการประชุมคดีการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนและเกิดเรือของกลางหายโดยมีตนเองเป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 ปอศ. เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งอัยการจะมีอำนาจทำหน้าที่แนะนำหรือออกสั่งการได้ โดยจะมีการกำหนดทิศทางการสอบสวนจะอยู่ที่พยานหลักฐานเป็นสำคัญ โดยเฉพาะประเด็นจุดเกิดเหตุที่เป็นปัญหาอยู่ตรงไหนอย่างไร การกระทำความผิดข้อหาที่แจ้ง ใครเป็นผู้สั่งการ ซึ่งอัยการจะร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวนของ ปอศ.ทุกปาก โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับเรือของกลางที่พบมีเรือบรรทุกน้ำมัน 5 ลำ มีน้ำมันในเรือเหลืออยู่ 3 ลำ น่าจะไม่กระทบต่อคดีหลักเนื่องจากได้มีการทำบัญชีของกลางมีการถ่ายรูปไว้แล้ว แต่ส่วนคดีเรือของกลางหายเป็นคดีที่ตำรวจต้องสอบสวนเนื่องจากความผิดเกิดในราชอาณาจักร ซึ่งต้องไปตรวจสอบของกลางดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสำนวนการสอบสวนขณะนี้ยังไม่ปรากฏชื่อเสี่ยโจ้ มีแต่ชื่อนายเล็ก ซึ่งไม่ทราบนามสกุล จึงต้องสอบสวนต่อไป หากเกี่ยวข้องกับใครต้องดำเนินตามกฎหมายทุกคน โดยสุดท้ายอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา
สำหรับคดีซื้อขายน้ำมันเถื่อนนอกราชอาณาจักรกับคดีในราชอาณาจักร มีอัตราโทษอาญาเหมือนกัน เปลี่ยนแค่บุคคลที่มีอำนาจสอบสวนเท่านั้น ส่วนตัวในฐานะหัวหน้าชุดทำคดีไม่ได้มีความกังวล เพราะมีประสบการณ์ทำคดีลักษณะมามาก และไม่มีภาวะกดดันกับตัวผู้ต้องหา เป้าหมายต้องการสอบสวนหาความจริงเท่านั้น ส่วนกรอบระยะเวลาการส่งสำนวนจะทำให้รวดเร็วและให้ความเป็นธรรม