xs
xsm
sm
md
lg

“ศรีสุวรรณ”จ่อร้อง อสส.ขอให้ศาล รธน.สั่งเลิกการรณรงค์แก้ไข ม.1

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณี ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนญในเวทีสัญจรภาคใต้ ที่จังหวัดปัตตานี ของ 7 พรรคฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562 โดยระบุว่า ประเทศไทยอาจจะไม่จำเป็นต้องมีรัฐเดี่ยว หรือแบบรวมศูนย์ ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตราที่ 1 ด้วยก็ได้ จนเกิดการการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในขณะนี้นั้น

การกระทำของ ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ ซึ่งหมายรวมถึง 7 พรรคฝ่ายค้านในการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มาตรา 1 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.113 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต” และนอกจากนั้นใน ม.116 ยังบัญญัติต่อไปอีกว่า “ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี”

การกระทำของ ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ ซึ่งหมายรวมถึง 7 พรรคฝ่ายค้านในการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มาตรา 1 ดังกล่าวจึงสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดรัฐธรรมนูญและละเมิดกฎหมายที่สำคัญของชาติ ซึ่งอาจหมายถึงการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยในที่สุด
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงมิอาจปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต่อไปได้อีก เพราะอาจเป็นอันตราย และภัยต่อความมั่นคงของชาติจึงจะนำความไปยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.49 เพื่อให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ ซึ่งหมายรวมถึง 7 พรรคฝ่ายค้านเลิกการกระทำดังกล่าวเสีย

โดยสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้อง ในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.62 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ อาคาร A ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.