นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลพอใจตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศโตต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าไทยฟื้นตัวจากการชะลอตัวทางการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันถึงร้อยละ 109 มูลค่า 147,169 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง พบว่าจำนวนบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 2,100 บริษัท เป็น 2,600 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนกว่า 70,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเห็นการย้ายฐานการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติต่าง ๆ รวมทั้งบริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกาด้วย อาทิ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ฟอร์ด P & G เป็นต้น
การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ประจำปี 2562 โดย BOI พบว่านักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจศักยภาพประเทศไทยถึงร้อยละ 97.3 ซึ่งกว่าร้อยละ 31.8 ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในไทย สืบเนื่องจากสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยเป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเดินขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่ EEC อย่างจริงจัง ทั้งการลงนามก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาในรูปแบบการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ PPP การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Thailand Digital Valley) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะรองรับการลงทุนในอนาคต โดยนายกรัฐมนตรีย้ำถึงความจำเป็นในการเตรียมประเทศไทยให้มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ปรับลดขั้นตอนระเบียบกฎหมาย สร้างแรงจูงใจในการการลงทุนจากต่างประเทศพร้อมไปกับกระตุ้นการลงทุนจากนักลงทุนไทยเอง