นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ประชาชนขาดความมั่นใจทางการเมือง สถานการณ์ภัยแล้ง ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สงครามการค้า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (เบร็กซิท) ที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ดัชนีทุกรายการปรับตัวลดลง และต่ำสุดทำลายสถิติในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมที่ลดลงเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 214 เดือน หรือ 17 ปี 10 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2544 แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจปัจจุบันยังไม่ดี
ส่วนดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 63 เดือน หรือ 5 ปี นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 รวมถึงดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์ ซื้อบ้านหลังใหม่ การใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยว และความเหมาะสมการทำธุรกิจยังอยู่ในระดับต่ำ ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถ ซื้อบ้านใหม่ ชะลอการท่องเที่ยวและทำธุรกิจ
ทั้งนี้ รัฐบาลควรเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น ดูแลค่าครองชีพ เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณลงสู่ท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใน ผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง ปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี เร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์ รวมถึงรักษาค่าเงินบาทให้แข่งขันกับค่าเงินของคู่แข่งได้
นายธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเชื่อมั่นที่ลดลงชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจจากนี้ไปจนถึงไตรมาสที่ 3 มีสัญญาณไม่ดี ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2562 การสำรวจความคิดเห็นนั้นยังไม่รวมผลกระทบที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากปัญหาภัยแล้ง สงครามการค้าที่สหรัฐฯ ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ ที่จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องไปถึงไตรมาสที่ 4 ได้