น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาและวางรากฐานข้าวไทย เป็นผลให้ข้าวไทยได้รับการยกระดับคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับและสามารถส่งออกได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศ ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว มีเสถียรภาพ ราคาสูงกว่าในช่วงก่อนที่เข้ามาบริหารประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมและพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ข้าวเฉพาะ ทั้งด้านความหลากหลายและนวัตกรรม อันจะเป็นการสร้างโอกาสและตลาดในอนาคตของข้าวไทยให้มั่นคงและยั่งยืนในตลาดโลก โดยการปฏิรูปข้าวไทยของรัฐบาลที่ผ่านมาจัดระบบและวางระเบียบที่ถูกต้องและยังประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในแวดวงการผลิตและการค้าข้าวไทย ดังนั้น รัฐบาลชุดต่อไปที่เข้ามารับไม้ต่อ ขอให้ผลักดันการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทยและการกำหนดนโยบายหรือมาตรการใดๆ ควรสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดังกล่าว และไม่ทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาดข้าวไทย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเช่นที่ผ่านๆ มา
ทั้งนี้ อยากฝากรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ว่าจะใช้ระบบจำนำข้าวหรือประกันรายได้ โดยเป็นมาตรการแทรกแซงราคา ก็ถือว่าเป็นการบิดเบือนกลไกตลาดทั้งสิ้น แต่ด้วยระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ประเทศไทยใช้เท่านั้น ในการดูแลรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรถือเป็นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาแทรกแซงราคาอยู่บ้าง เพื่อให้เกษตรกรขายสินค้าเกษตรได้ราคาที่ดีขึ้นเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ แต่การเข้าแทรกแซงจะต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและไม่ทำให้กลไกตลาดบิดเบือนมากจนเกินไปจนไปสร้างภาระหนี้สินให้กับประเทศตามมาภายหลังได้
นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมและพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ข้าวเฉพาะ ทั้งด้านความหลากหลายและนวัตกรรม อันจะเป็นการสร้างโอกาสและตลาดในอนาคตของข้าวไทยให้มั่นคงและยั่งยืนในตลาดโลก โดยการปฏิรูปข้าวไทยของรัฐบาลที่ผ่านมาจัดระบบและวางระเบียบที่ถูกต้องและยังประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในแวดวงการผลิตและการค้าข้าวไทย ดังนั้น รัฐบาลชุดต่อไปที่เข้ามารับไม้ต่อ ขอให้ผลักดันการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทยและการกำหนดนโยบายหรือมาตรการใดๆ ควรสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดังกล่าว และไม่ทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาดข้าวไทย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเช่นที่ผ่านๆ มา
ทั้งนี้ อยากฝากรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ว่าจะใช้ระบบจำนำข้าวหรือประกันรายได้ โดยเป็นมาตรการแทรกแซงราคา ก็ถือว่าเป็นการบิดเบือนกลไกตลาดทั้งสิ้น แต่ด้วยระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ประเทศไทยใช้เท่านั้น ในการดูแลรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรถือเป็นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาแทรกแซงราคาอยู่บ้าง เพื่อให้เกษตรกรขายสินค้าเกษตรได้ราคาที่ดีขึ้นเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ แต่การเข้าแทรกแซงจะต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและไม่ทำให้กลไกตลาดบิดเบือนมากจนเกินไปจนไปสร้างภาระหนี้สินให้กับประเทศตามมาภายหลังได้