xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์จับมือหน่วยงานเดินหน้าปราบปราม"นอมินี" เน้น 5 กลุ่มธุรกิจเป้าหมาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจที่อาจมีความเชื่อมโยงกับชาวต่างชาติในการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง หรือนอมินี โดยปี 2562 ได้บูรณาการข้อมูลและกำหนดกลุ่มธุรกิจเป้าหมายลงตรวจสอบในพื้นที่จังหวัดเป้าหมายจำนวน 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ การถือครองอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ธุรกิจขนส่งสินค้า และธุรกิจโฆษณา

จากการดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 จนถึงปัจจุบัน ดำเนินการไปแล้ว 4 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีชาวต่างชาตินิยมลงทุนประกอบธุรกิจ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) และกระบี่ โดยผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า จังหวัดภูเก็ต และเชียงใหม่ ยังไม่พบการกระทำผิดที่เข้าข่ายนอมินี แต่มีนิติบุคคลที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกให้จัดส่งเอกสารฯ จำนวน 24 ราย จึงดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนไม่ส่งเอกสารตามที่เรียกตรวจสอบตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้ทำการหมายเหตุในหนังสือรับรองว่า "นิติบุคคลนี้ไม่จัดส่งบัญชี และ/หรือไม่ชี้แจงการจัดทำบัญชีรอบปีบัญชี 2560 โปรดใช้ความระมัดระวังในการทำนิติกรรม"

ส่วนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) และกระบี่ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเอกสารเชิงลึก คาดว่าจะได้ผลการตรวจสอบเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังอยู่ระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบนอมินี และมีแผนที่จะลงตรวจสอบอีก 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด (เกาะช้าง) กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ซึ่งหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะส่งดำเนินคดี เพื่อปราบปรามไม่ให้มีการใช้ตัวแทนอำพรางและอาจลงพื้นที่เดิมซ้ำหรือพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติม หากพบว่ามีข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นนอมินี พร้อมเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งนี้ คนต่างด้าวที่ให้คนไทยถือหุ้นแทน รวมทั้งกรรมการบริษัทจะต้องรับโดยมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษปรับรายวันวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน