สำนักข่าวบลูมเบิร์ก นำเสนอบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง ว่า จะมีความแตกแยกกันซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐสภา โดยอ้างอิงถึงเหตุการณ์ความขัดแย้ง ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่เหตุรุนแรงในอดีต ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง โดยเฉพาะด้านการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมีการเติบโตที่ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ ไทยยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์เงินบาท ท่ามกลางสภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัวลง โดยในปีที่แล้วนักลงทุนต่างชาติถอนเงินทุนออกจากตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยคิดเป็นมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งยังมีความเสี่ยงว่าแผนปฏิรูปเศรษฐกิจมูลค่า 54,000 ล้านดอลลาร์ของรัฐบาลปัจจุบันจะไม่เป็นไปตามแผน และจะทำให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย
ทางด้านเดอะไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานโดยอ้างบทวิเคราะห์ของนายปีเตอร์ มัมฟอร์ด หัวหน้าฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ระบุว่า กระบวนการรอผลเลือกตั้งช่วงแรกและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน
นอกจากนี้ ไทยยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์เงินบาท ท่ามกลางสภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัวลง โดยในปีที่แล้วนักลงทุนต่างชาติถอนเงินทุนออกจากตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยคิดเป็นมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งยังมีความเสี่ยงว่าแผนปฏิรูปเศรษฐกิจมูลค่า 54,000 ล้านดอลลาร์ของรัฐบาลปัจจุบันจะไม่เป็นไปตามแผน และจะทำให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย
ทางด้านเดอะไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานโดยอ้างบทวิเคราะห์ของนายปีเตอร์ มัมฟอร์ด หัวหน้าฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ระบุว่า กระบวนการรอผลเลือกตั้งช่วงแรกและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน