xs
xsm
sm
md
lg

“ศรีสุวรรณ”เรียกร้องกรมศิลป์ขยายเขตพื้นที่โบราณสถานศรีเทพ หวังปกป้องถูกขุดเจาะปิโตรเลียม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้โพสต์เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กรมศิลปากรขยายเขตพื้นที่แหล่งโบราณสถานศรีเทพให้กว้างขึ้น เพื่อปกป้องจากการขุดเจาะปิโตรเลียม ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่ามีผู้ประกอบการเอกชนร่วมกับกลุ่มทุนข้ามชาติจากจีน ซึ่งได้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2546/60 ในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43 ซึ่งบริษัทจึงมีแผนที่จะดำเนินการผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจบนบกเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือที่หลุมผลิต STN-2 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ผลิตศรีเทพเหนือ ห่างจากเจดีย์บริวารของมหาสถูปเขาคลังนอก ประมาณ 100 กว่าเมตร และเมื่อปรับสภาพพื้นที่แล้ว ก็จะเหลือระยะห่างระหว่างบ่อน้ำมัน กับโบราณสถานไม่ถึง 100 เมตร จนทำให้หลายฝ่ายแสดงความห่วงใย หวั่นเกรงว่าแท่นขุดเจาะ ดังกล่าว จะกระทบต่อโบราณสถานศรีเทพ และที่สำคัญอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ กำลังดำเนินการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับยูเนสโกอยู่ในขณะนี้นั้น

การดำเนินการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลี่ยมในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพดังกล่าว จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อหลักฐานทางอารยธรรมโบราณเมืองศรีเทพที่มีอายุสืบทอดกันมากว่า 1,300 ปี ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมของชาติไทย ที่ประชาชนคนไทยทุกคนต้องอนุรักษ์และรักษาไว้ ดังนั้นการที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ใช้อำนาจทางปกครองอนุญาตให้บริษัทต่างๆ เข้าสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ดังกล่าว จึงเป็นการทำลายและลบหลู่รากฐานทางอารยธรรมของชาติโดยชัดแจ้ง และถึงแม้บริษัทดังกล่าวจะชะลอโครงการขุดเจาะปิโตรเลียมพื้นที่ดังกล่าวออกไปแล้วก็ตาม เพราะถูกต่อต้านมาก แต่ก็มิได้หมายความว่าจะหวลกลับมาสำรวจขุดเจาะใหม่ไม่ได้

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาะโลกร้อน จึงขอเรียกร้องให้อธิบดีกรมศิลปากร เร่งรีบใช้อำนาจตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 โดยกำหนดเขตที่ดินเขตของโบราณสถานศรีเทพเสียใหม่ โดยให้ขยายพื้นที่ออกไปให้มีรัศมีมากกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อปกป้องแหล่งอารยธรรมโบราณเมืองศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ให้รอดพ้นจากการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมซึ่งจะสร้างแรงสั่นสะเทือนทำลายโบราณสถานของชาติ ให้รอดพ้นไปได้ในที่สุด และหากข้อเรียกร้องนี้ไม่เป็นผล สมาคมฯ และชาวอำเภอศรีเทพก็จักใช้มาตรการทางศาล เพื่อเชิญอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและกรมศิลปากรทั้ง 2 กรมและผู้ประกอบการไปพบกันที่ศาลต่อไป