ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,199 คน เรื่อง "ส.ส.แบบไหนที่โดนใจคนไทย"
ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.8 ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ขณะที่ร้อยละ 12.2 ไม่ทราบ
ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 53.8 ระบุว่า เคยเห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวทางการเมือง การหาเสียงในพื้นที่ของตนเอง โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 24.2 เห็นการติดป้ายหาเสียง รองลงมา ร้อยละ 22.0 เห็นการเดินเท้าพบปะประชาชน ร้อยละ 21.1 เห็นการใช้รถหาเสียง และร้อยละ 17.4 เห็นการหาเสียงผ่านสื่อโซเชียล ขณะที่ร้อยละ 46.2 ระบุว่า ยังไม่เคยเห็น
สำหรับผู้สมัคร ส.ส.แบบไหน ที่อยากเลือก ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70.0 อยากเลือกคนที่ช่วยเหลือชุมชน แก้ปัญหาชุมชน รองลงมา ร้อยละ 60.1 อยากเลือกคนมีความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ก้าวไกล และร้อยละ 52.1 อยากเลือกคนไม่มีประวัติด่างพร้อยด้านการทุจริต
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 96.0 ตั้งใจว่าจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส.ที่คาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ขณะที่มีเพียงร้อยละ 0.9 ที่ตั้งใจว่าจะไม่ไป โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 0.4 ให้เหตุผลว่า ต้องเรียน ทำงาน ติดธุระ และมีร้อยละ 0.2 เท่ากันที่ให้เหตุผลว่า เบื่อหน่ายการเมือง และเลือกไปก็ไม่เห็นทำประโยชน์ให้เลย ส่วนที่เหลือร้อยละ 3.1 ไม่แน่ใจว่าจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่
ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.8 ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ขณะที่ร้อยละ 12.2 ไม่ทราบ
ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 53.8 ระบุว่า เคยเห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวทางการเมือง การหาเสียงในพื้นที่ของตนเอง โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 24.2 เห็นการติดป้ายหาเสียง รองลงมา ร้อยละ 22.0 เห็นการเดินเท้าพบปะประชาชน ร้อยละ 21.1 เห็นการใช้รถหาเสียง และร้อยละ 17.4 เห็นการหาเสียงผ่านสื่อโซเชียล ขณะที่ร้อยละ 46.2 ระบุว่า ยังไม่เคยเห็น
สำหรับผู้สมัคร ส.ส.แบบไหน ที่อยากเลือก ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70.0 อยากเลือกคนที่ช่วยเหลือชุมชน แก้ปัญหาชุมชน รองลงมา ร้อยละ 60.1 อยากเลือกคนมีความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ก้าวไกล และร้อยละ 52.1 อยากเลือกคนไม่มีประวัติด่างพร้อยด้านการทุจริต
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 96.0 ตั้งใจว่าจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส.ที่คาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ขณะที่มีเพียงร้อยละ 0.9 ที่ตั้งใจว่าจะไม่ไป โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 0.4 ให้เหตุผลว่า ต้องเรียน ทำงาน ติดธุระ และมีร้อยละ 0.2 เท่ากันที่ให้เหตุผลว่า เบื่อหน่ายการเมือง และเลือกไปก็ไม่เห็นทำประโยชน์ให้เลย ส่วนที่เหลือร้อยละ 3.1 ไม่แน่ใจว่าจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่