นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อแจ้งข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และติดตามผลการดำเนินมาตรเร่งด่วนถึงการแก้ไขและรับมือสถานการณ์ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกินมาตรฐาน
ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนทั้ง 9 ข้อของนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้ออกแถลงการณ์โดยเคร่งครัด การประชุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ลดการใช้พาหนะเพื่อบรรเทาปัญหาจราจรและลดมลพิษในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณีที่มีการประชุมให้พิจารณาใช้การประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามความเหมาะสม หรือให้ใช้รถยนต์แก๊สโซลีนแทนเครื่องยนต์ดีเซล และปฏิบัติตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ห้ามติดเครื่องยนต์ระหว่างจอดรถ ติดตามให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เข้มงวดผู้รับจ้างงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น จัดรถดูดฝุ่น ล้างพื้นที่ก่อสร้าง และบำรุงรักษาเครื่องจักรให้มีคุณภาพอยู่เสมอ พร้อมคืนพื้นที่และพื้นผิวจราจรทันทีที่ก่อสร้างงานพื้นฐานโครงการรถไฟฟ้าเสร็จ ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และเตาปูน-ท่าพระ เพื่อคลี่คลายปัญหาจราจรและกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น นอกจากนี้ ส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการระบบขนส่งมวลชนมากขึ้นด้วยการงดเก็บค่าบริการที่อาคารจอดแล้วจรของสถานีรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล
นอกจากนี้ เร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาใช้ไบโอดีเซล B10 กับรถดีเซลราง ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 และทดลองใช้ไบโอดีเซล B20 ต่อไป ขณะที่กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พิจารณาติดตั้งเครื่องปล่อยฝอยละอองน้ำ และกระจายการวัดปริมาณฝุ่นละอองตามจุดต่างๆ ของทางพิเศษ รวมทั้งมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกเร่งตรวจสอบรถโดยสารที่มีควันดำและขยายชุดปฏิบัติการจาก 16 ชุด เป็น 25 ชุด เพื่อปฏิบัติการตรวจสอบรถโดยสารควันดำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงรถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกขนาดเล็ก พร้อมสั่งการให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ใช้ไบโอดีเซล B20 กับรถโดยสารให้แล้วเสร็จในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 รวมถึงสร้างความเข้าใจและเชิญชวนผู้ประกอบการรถโดยสารให้ทดลองใช้ไบโอดีเซล B20
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้เข้มงวดกวดขันถึงมาตรการต่างๆ ที่ได้สั่งการไว้แล้ว พร้อมกำชับทุกหน่วยงานให้รายงานผลการปฏิบัติงานเป็นรายวันจนกว่าสถานการณ์ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะคลายลง
ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนทั้ง 9 ข้อของนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้ออกแถลงการณ์โดยเคร่งครัด การประชุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ลดการใช้พาหนะเพื่อบรรเทาปัญหาจราจรและลดมลพิษในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณีที่มีการประชุมให้พิจารณาใช้การประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามความเหมาะสม หรือให้ใช้รถยนต์แก๊สโซลีนแทนเครื่องยนต์ดีเซล และปฏิบัติตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ห้ามติดเครื่องยนต์ระหว่างจอดรถ ติดตามให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เข้มงวดผู้รับจ้างงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น จัดรถดูดฝุ่น ล้างพื้นที่ก่อสร้าง และบำรุงรักษาเครื่องจักรให้มีคุณภาพอยู่เสมอ พร้อมคืนพื้นที่และพื้นผิวจราจรทันทีที่ก่อสร้างงานพื้นฐานโครงการรถไฟฟ้าเสร็จ ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และเตาปูน-ท่าพระ เพื่อคลี่คลายปัญหาจราจรและกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น นอกจากนี้ ส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการระบบขนส่งมวลชนมากขึ้นด้วยการงดเก็บค่าบริการที่อาคารจอดแล้วจรของสถานีรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล
นอกจากนี้ เร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาใช้ไบโอดีเซล B10 กับรถดีเซลราง ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 และทดลองใช้ไบโอดีเซล B20 ต่อไป ขณะที่กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พิจารณาติดตั้งเครื่องปล่อยฝอยละอองน้ำ และกระจายการวัดปริมาณฝุ่นละอองตามจุดต่างๆ ของทางพิเศษ รวมทั้งมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกเร่งตรวจสอบรถโดยสารที่มีควันดำและขยายชุดปฏิบัติการจาก 16 ชุด เป็น 25 ชุด เพื่อปฏิบัติการตรวจสอบรถโดยสารควันดำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงรถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกขนาดเล็ก พร้อมสั่งการให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ใช้ไบโอดีเซล B20 กับรถโดยสารให้แล้วเสร็จในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 รวมถึงสร้างความเข้าใจและเชิญชวนผู้ประกอบการรถโดยสารให้ทดลองใช้ไบโอดีเซล B20
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้เข้มงวดกวดขันถึงมาตรการต่างๆ ที่ได้สั่งการไว้แล้ว พร้อมกำชับทุกหน่วยงานให้รายงานผลการปฏิบัติงานเป็นรายวันจนกว่าสถานการณ์ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะคลายลง