นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงควรมีการจัดการและควบคุมดูแลส้วมในแหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการต่างๆ ให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ รวมถึงเครื่องใช้ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในส้วม เพื่อป้องกันโรคติดต่อ และป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ส้วมเป็นสิ่งหนึ่งสำคัญในแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส้วมสาธารณะที่ขาดการดูแลและรักษาความสะอาดที่ดีจะกลายเป็นแหล่งแพร่โรคติดต่อได้
นอกจากนี้ ต้องมีจำนวนที่เพียงพอ โดยให้มีห้องส้วมหญิง 3 ห้องต่อจำนวนเพศหญิงไม่เกิน 15 คน และห้องส้วมชาย 2 ห้อง และ 1 โถปัสสาวะชาย ต่อจำนวนเพศชายไม่เกิน 15 คน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 63 ขึ้นอยู่กับว่าสถานที่ของแต่ละแห่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากน้อยเพียงใด อีกทั้งต้องมีผู้ดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงจัดให้มีบริการส้วมแบบนั่งราบ หรือส้วมนั่งแบบชักโครก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า และส้วมสำหรับผู้พิการ ต้องมีทางลาดสำหรับรถนั่งด้วย โดยที่ผ่านมา กรมอนามัยได้สนับสนุนให้แหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาส้วมสาธารณะให้ได้มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ (HAS) คือ สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) และปลอดภัย (Safety) รวมทั้งการจัดการขยะ ควรจัดเตรียมถังขยะพร้อมฝาปิดมิดชิดไว้บริการ และจัดให้มีการคัดแยกขยะ เพื่อความเป็นระเบียบ ลดปริมาณขยะที่จะนำไปกำจัด และลดการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ แมลงพาหะนำโรค นอกจากนี้น้ำดื่ม น้ำใช้ที่มีไว้บริการต้องสะอาด และมีปริมาณเพียงพอต่อจำนวนผู้มาใช้บริการ หากมีบริการที่พัก ห้องนอนที่ใช้นอนรวมกันหลายคน โดยเฉลี่ยแล้วต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 40 ตารางฟุตต่อคน และบริเวณโดยรอบที่พักอาศัยต้องสะอาด มีท่อระบายน้ำทิ้ง ไม่มีน้ำขังเฉอะแฉะ เพื่อป้องกันการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ แมลงพาหะนำโรค และส่งกลิ่นเหม็นรบกวน
ทั้งนี้ ส้วมเป็นสิ่งหนึ่งสำคัญในแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส้วมสาธารณะที่ขาดการดูแลและรักษาความสะอาดที่ดีจะกลายเป็นแหล่งแพร่โรคติดต่อได้
นอกจากนี้ ต้องมีจำนวนที่เพียงพอ โดยให้มีห้องส้วมหญิง 3 ห้องต่อจำนวนเพศหญิงไม่เกิน 15 คน และห้องส้วมชาย 2 ห้อง และ 1 โถปัสสาวะชาย ต่อจำนวนเพศชายไม่เกิน 15 คน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 63 ขึ้นอยู่กับว่าสถานที่ของแต่ละแห่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากน้อยเพียงใด อีกทั้งต้องมีผู้ดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงจัดให้มีบริการส้วมแบบนั่งราบ หรือส้วมนั่งแบบชักโครก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า และส้วมสำหรับผู้พิการ ต้องมีทางลาดสำหรับรถนั่งด้วย โดยที่ผ่านมา กรมอนามัยได้สนับสนุนให้แหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาส้วมสาธารณะให้ได้มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ (HAS) คือ สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) และปลอดภัย (Safety) รวมทั้งการจัดการขยะ ควรจัดเตรียมถังขยะพร้อมฝาปิดมิดชิดไว้บริการ และจัดให้มีการคัดแยกขยะ เพื่อความเป็นระเบียบ ลดปริมาณขยะที่จะนำไปกำจัด และลดการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ แมลงพาหะนำโรค นอกจากนี้น้ำดื่ม น้ำใช้ที่มีไว้บริการต้องสะอาด และมีปริมาณเพียงพอต่อจำนวนผู้มาใช้บริการ หากมีบริการที่พัก ห้องนอนที่ใช้นอนรวมกันหลายคน โดยเฉลี่ยแล้วต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 40 ตารางฟุตต่อคน และบริเวณโดยรอบที่พักอาศัยต้องสะอาด มีท่อระบายน้ำทิ้ง ไม่มีน้ำขังเฉอะแฉะ เพื่อป้องกันการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ แมลงพาหะนำโรค และส่งกลิ่นเหม็นรบกวน