xs
xsm
sm
md
lg

ม.หอการค้าฯ มั่นใจ ศก.ปีนี้โตเกินคาด ปรับเป้าใหม่โต 4.6%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หลังจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวดีต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตามทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวเปลือก อ้อย และข้าวโพด ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐมีโอกาสเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป หนุนให้เศรษฐกิจไทยตลอดปีนี้ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.6 เป็นอย่างน้อย และมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 4.5 ขณะที่ตัวเลขการส่งออกโตร้อยละ 8.7 และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 1.2

อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขที่ได้ปรับประมาณใหม่ โดยเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยลบในช่วงที่เหลือของปี 2561 ที่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน ดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และยังมีความเสี่ยงจากวิกฤตค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมร แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะส่งสัญญาณว่าอาจมีการพิจารณาปรับดอกเบี้ยนโยบาย จากขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 1.5 ขึ้นอีก แต่กระทรวงการคลังเห็นว่าขณะนี้จนถึงปีหน้ายังไม่ควรที่จะปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทางศูนย์พยากรณ์ฯ ที่มองว่าดอกเบี้ยนโยบายไม่ควรปรับขึ้นขณะนี้ เพื่อให้เกิดการออม หรือให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย แต่เห็นว่าเวลาที่เหมาะสมน่าจะปรับขึ้นไตรมาส 2 ปีหน้า แบบค่อยขยับร้อยละ 0.25 และปลายปีเพิ่มอีกร้อยละ 0.25 ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายถึงสิ้นปีหน้าจะอยู่ที่ร้อยละ 2 คิดว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีหน้าได้ และคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2562-2565 คือ ปี 2562 จะเติบโตร้อยละ 4.5 ปี 2563 เติบโตร้อยละ 4.8 ปี 2564 เติบโตร้อยละ 4.6 และปี 2565 เติบโตร้อยละ 5 เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังคงต้องติดตามว่า แม้จะมีวันเลือกตั้งที่ชัดเจนแล้ว แต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะปลดล็อกมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าช่วงใกล้เลือกตั้งจะมีเงินสะพัดต่อการเลือกตั้ง 30,000-40,000 ล้านบาท เป็นการสร้างความเชื่อมั่นทั้งคนในประเทศและต่างประเทศจะดึงการลงทุนด้านต่างๆ กลับมาดีขึ้นได้