วันนี้ (19 ม.ค.) เวลา 10.45 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. 177/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2561 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้าน เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2557 อยู่ในตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 ผู้คัดค้านไม่แสดงรายการทรัพย์สินที่เป็นเงินฝากธนาคาร 4 บัญชี เงินลงทุนในหุ้นบริษัท 2 แห่ง สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน 2 แปลง ของตนเอง และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรสของผู้คัดค้าน และเงินฝากธนาคารอีก 2 บัญชี ที่ผู้คัดค้านและคู่สมรสทราบอยู่แล้วว่ามอบหมายให้อยู่ในความครอบครองดูแลของนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานของนางวรรษมล แต่ผู้คัดค้านกับปกปิดไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 กับให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่ผู้คัดค้านไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการปกปิดไม่แสดงรายการแห่งทรัพย์สินของตนเองและนางวรรษมล เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ร้องตรวจสอบพบ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
องค์คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำดังกล่าวของผู้คัดค้านเป็นการจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งต่อผู้ร้องทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง จึงห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง และ มาตรา 119 พิพากษาว่า ให้ลงโทษจำคุกผู้คัดค้าน 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ผู้คัดค้านไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2557 อยู่ในตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 ผู้คัดค้านไม่แสดงรายการทรัพย์สินที่เป็นเงินฝากธนาคาร 4 บัญชี เงินลงทุนในหุ้นบริษัท 2 แห่ง สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน 2 แปลง ของตนเอง และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรสของผู้คัดค้าน และเงินฝากธนาคารอีก 2 บัญชี ที่ผู้คัดค้านและคู่สมรสทราบอยู่แล้วว่ามอบหมายให้อยู่ในความครอบครองดูแลของนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานของนางวรรษมล แต่ผู้คัดค้านกับปกปิดไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 กับให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่ผู้คัดค้านไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการปกปิดไม่แสดงรายการแห่งทรัพย์สินของตนเองและนางวรรษมล เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ร้องตรวจสอบพบ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
องค์คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำดังกล่าวของผู้คัดค้านเป็นการจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งต่อผู้ร้องทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง จึงห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง และ มาตรา 119 พิพากษาว่า ให้ลงโทษจำคุกผู้คัดค้าน 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ผู้คัดค้านไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี