นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงนโยบายการทำงานในปี 2561 ของกระทรวงพาณิชย์ ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะการดูแลสินค้าเกษตรให้เกิดความเป็นธรรม และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยจะบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำข้อมูลร่วมกัน หรือ BIGDATA เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการสินค้า และกระทรวงอุตสาหกรรม ในการเข้ามาช่วยพัฒนาการแปรรูปสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่ม
ส่วนการดูแลค่าครองชีพ จะเน้นการนำกฎหมายมาดูแลราคาให้เหมาะสม เพื่อให้เป็นไปตามกลไกโดยในปีนี้ จะเร่งดำเนินการเพิ่มร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC ภายใต้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ให้ได้อีก 20,000 แห่งภายในเดือนมีนาคมนี้ จะทำให้มีร้านค้าธงฟ้าเพิ่มเป็น 40,000 แห่ง โดยจะทำการเชื่อมโยงสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงสินค้าธงฟ้าราคาถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 15-20 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยยืนยันว่า ไม่ได้ทำให้กลไกตลาดเสีย
นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน Micro SMEs และ Start up ในการสร้างนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา เพื่อผลักดันออกสู่ตลาดต่างประเทศ รวมทั้งการยกระดับอี-คอมเมิร์ซ สร้างแพลตฟอร์มของคนไทย คือ เว็บไซต์ thaitread.com เพื่อยกระดับการค้าทั้งระบบ และให้สอดคล้องกับนโยบายเน็ตประชารัฐ ส่วนการผลักดันการส่งออก จะเน้นรักษาตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่โดยจะมีการประเมินตัวเลขส่งออกอีกครั้งในกุมภาพันธ์นี้
สำหรับผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ทำการศึกษาผลกระทบแล้ว เบื้องต้นคาดว่าจะกระทบต่อสินค้าที่มีความอ่อนไหว หรือใช้แรงงานเข้มข้น และเพื่อดูแลราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเพิ่มรายการสินค้าควบคุมอีกกว่า 6 รายการ เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ส่วนการดูแลค่าครองชีพ จะเน้นการนำกฎหมายมาดูแลราคาให้เหมาะสม เพื่อให้เป็นไปตามกลไกโดยในปีนี้ จะเร่งดำเนินการเพิ่มร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC ภายใต้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ให้ได้อีก 20,000 แห่งภายในเดือนมีนาคมนี้ จะทำให้มีร้านค้าธงฟ้าเพิ่มเป็น 40,000 แห่ง โดยจะทำการเชื่อมโยงสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงสินค้าธงฟ้าราคาถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 15-20 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยยืนยันว่า ไม่ได้ทำให้กลไกตลาดเสีย
นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน Micro SMEs และ Start up ในการสร้างนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา เพื่อผลักดันออกสู่ตลาดต่างประเทศ รวมทั้งการยกระดับอี-คอมเมิร์ซ สร้างแพลตฟอร์มของคนไทย คือ เว็บไซต์ thaitread.com เพื่อยกระดับการค้าทั้งระบบ และให้สอดคล้องกับนโยบายเน็ตประชารัฐ ส่วนการผลักดันการส่งออก จะเน้นรักษาตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่โดยจะมีการประเมินตัวเลขส่งออกอีกครั้งในกุมภาพันธ์นี้
สำหรับผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ทำการศึกษาผลกระทบแล้ว เบื้องต้นคาดว่าจะกระทบต่อสินค้าที่มีความอ่อนไหว หรือใช้แรงงานเข้มข้น และเพื่อดูแลราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเพิ่มรายการสินค้าควบคุมอีกกว่า 6 รายการ เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้า