วันนี้ (28 พ.ย.) กรมท่าอากาศยาน ดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์กรมท่าอากาศยานปี 2560-2564
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์กรมท่าอากาศยานปี 2560-2564 ว่า ปี 2560 ถือเป็นปีที่สำคัญที่จะมีการปรับเปลี่ยนท่าอากาศยานในสังกัด 29 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนท่าอากาศยานคือบ้านของทุกคน ภายใต้แนวคิด DOA FOR All โดยมีแผนลงทุนภายในระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ด้วยการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใช้ในสนามบินอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในหลากหลายด้าน เช่น ติดตั้งระบบเคาน์เตอร์เช็กอินร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดที่สนามบินวงเงินรวมอยู่ที่ 4,200 ล้าน เบื้องต้น จะนำร่องติดตั้งที่สนามบินกระบี่ หลังจากนั้นจะทยอยติดตั้งให้ครบทุกสนามบิน และยังมีแผนของบประมาณเพื่อติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Auto Gate) ภายในสนามบินที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก เพื่อลดความแออัดในอาคารผู้โดยสาร เพื่อพัฒนาทุกสนามบินให้มีศักยภาพครอบคลุม
ทั้งนี้ จะเสนอผลการศึกษาการพัฒนาแนวทางบริหารท่าอากาศยาน 28 แห่ง ในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.) ซึ่งจะยกสิทธิการบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานตาก ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เป็นผู้บริหารท่าอากาศยาน พร้อมทั้งเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (พีพีพี) เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานขนาดเล็ก 4 แห่ง คือ ท่าอากาศยานลำปาง เพชรบูรณ์ นครราชสีมา และชุมพร หากกระทรวงคมนาคมมีมติเห็นชอบจะเริ่มศึกษารูปแบบคาดว่าจะใช้เวลา 8 เดือน หรือเสร็จเดือนสิงหาคม 2561
ทางกรมท่าอากาศยานจะปรับทั้งการคมนาคมทางอากาศ การขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลให้เป็นประเทศไทย 4.0 มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศไทย โดยหลังจากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานทั้งหมดเสร็จแล้ว เชื่อว่าจะทำให้ ท่าอากาศยานองรับผู้โดยสารได้ตรงตามเป้าหมาย โดยจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 30 ล้านคนต่อปี ในปี 2568 และรองรับได้ถึง 58 ล้านคนต่อปี ในปี 2578 โดยเป็นไปตามมาตรฐาน ICAO
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์กรมท่าอากาศยานปี 2560-2564 ว่า ปี 2560 ถือเป็นปีที่สำคัญที่จะมีการปรับเปลี่ยนท่าอากาศยานในสังกัด 29 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนท่าอากาศยานคือบ้านของทุกคน ภายใต้แนวคิด DOA FOR All โดยมีแผนลงทุนภายในระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ด้วยการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใช้ในสนามบินอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในหลากหลายด้าน เช่น ติดตั้งระบบเคาน์เตอร์เช็กอินร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดที่สนามบินวงเงินรวมอยู่ที่ 4,200 ล้าน เบื้องต้น จะนำร่องติดตั้งที่สนามบินกระบี่ หลังจากนั้นจะทยอยติดตั้งให้ครบทุกสนามบิน และยังมีแผนของบประมาณเพื่อติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Auto Gate) ภายในสนามบินที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก เพื่อลดความแออัดในอาคารผู้โดยสาร เพื่อพัฒนาทุกสนามบินให้มีศักยภาพครอบคลุม
ทั้งนี้ จะเสนอผลการศึกษาการพัฒนาแนวทางบริหารท่าอากาศยาน 28 แห่ง ในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.) ซึ่งจะยกสิทธิการบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานตาก ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เป็นผู้บริหารท่าอากาศยาน พร้อมทั้งเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (พีพีพี) เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานขนาดเล็ก 4 แห่ง คือ ท่าอากาศยานลำปาง เพชรบูรณ์ นครราชสีมา และชุมพร หากกระทรวงคมนาคมมีมติเห็นชอบจะเริ่มศึกษารูปแบบคาดว่าจะใช้เวลา 8 เดือน หรือเสร็จเดือนสิงหาคม 2561
ทางกรมท่าอากาศยานจะปรับทั้งการคมนาคมทางอากาศ การขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลให้เป็นประเทศไทย 4.0 มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศไทย โดยหลังจากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานทั้งหมดเสร็จแล้ว เชื่อว่าจะทำให้ ท่าอากาศยานองรับผู้โดยสารได้ตรงตามเป้าหมาย โดยจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 30 ล้านคนต่อปี ในปี 2568 และรองรับได้ถึง 58 ล้านคนต่อปี ในปี 2578 โดยเป็นไปตามมาตรฐาน ICAO