xs
xsm
sm
md
lg

ฎีกาคุก 1 ปี อดีตกำนันโต๊ะเด็งแจ้งความเท็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วันนี้ (23 พ.ย.) ศาลอาญารัชดาฯ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นฟ้องนายอนุพงศ์ พันธชยางกูร หรืออดีตกำนัน ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นอดีตจำเลยในคดีปล้นปืนกองพันทหารพัฒนาที่ 4 เมื่อปี 2547 เป็นจำเลยฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับคดีอาญา รู้ว่าไม่มีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น แต่แจ้งความว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น

คำฟ้องสรุปว่า นายอนุพงศ์ ถูกพนักงานสืบสวนสอบสวนที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นหัวหน้าชุดจับกุม ข้อหาร่วมกันปล้นปืน โดยระหว่างถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินที่มีโจทก์คดีนี้เป็นหัวหน้าควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองปราบปราม จำเลยอ้างว่า ถูกโจทก์กับพวกรุมซ้อมทรมานทำร้ายร่างกาย เพื่อให้รับสารภาพในคดีปล้นปืนและคดีฆ่า ด.ต.ปัญญา ดาราฮีม ทั้งระบุอีกว่า หลังถูกนำตัวกลับจากกองปราบ มาควบคุมอยู่ที่ สภ.ตันหยง ยังถูกโจทก์พร้อมตำรวจอีกหลายนายซ้อมทรมานเพื่อให้รับสารภาพ ต่อมา นายอนุพงศ์ ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นอีกรวม 4 คน ฐานร่วมกันฆ่า ด.ต.ดาราฮีม ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษยืนตามศาลชั้นต้นคดีถึงที่สุด

นายอนุพงศ์ จึงเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวหาว่า โจทก์ได้ร่วมกับพวกซ้อมทรมานทำร้ายร่างกาย ดีเอสไอได้สอบสวน และส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ต่อมา ป.ป.ช.ได้ชี้ว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าโจทก์กับพวกรวม 19 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ จึงนำคดีมายื่นฟ้องศาลอาญา ขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยด้วย

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ในวันเวลาเกิดเหตุโจทก์มีตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัวจำเลยกับพวกในคดีปล้นปืนโดยสารเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งการจับกุมและสอบสวนจะต้องกระทำเป็นความลับ ขณะที่บนเครื่องบินไม่มีบุคคลอื่นซึ่งเป็นคนกลางที่จะเล่าถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินได้ ฝ่ายโจทก์มีเพียงโจทก์เบิกความเป็นพยานเพียงปากเดียว อีกทั้งยังมีผู้ต้องหาอื่นในคดีปล้นปืนซึ่งอยู่บนเครื่องบินเบิกความว่าระหว่างอยู่บนเครื่องบินได้ยินเสียงร้องของจำเลยด้วย พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่เพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยแจ้งความเท็จ พิพากษายกฟ้อง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษนายอนุพงศ์ จำเลยด้วย

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายอนุพงศ์ กระทำผิดจริง จึงพิพากษาจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา นายอนุพงศ์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องด้วย

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายอนุพงศ์ ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
กำลังโหลดความคิดเห็น