รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมด้วย ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง นายประพันธ์ เตชะสกลกิจกูร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ และนายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก ร่วมแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจภูมิภาคในปี 2561 ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 35 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 เป็นร้อยละ 3.6 จากเดิมร้อยละ 3.4 จากการส่งออกสินค้าที่เติบโตดีกว่าคาด เศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ฟื้นตัวได้พร้อมกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ส่งผลให้การส่งออกของไทยเติบโตได้ถึงร้อยละ 8.9 ในช่วง 8 เดือนแรกของปี นำโดยสินค้าเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งออกจะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 7 ซึ่งดีที่สุดในรอบ 6 ปี
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มที่ดี และคาดว่าทั้งปี 2560 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยราว 35.2 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้าร้อยละ 7.9 และเศรษฐกิจไทยปี 2561 โตร้อยละ 3.5 จากแรงหนุนการลงทุนทั้งรัฐและเอกชน นอกจากการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของภาครัฐ จากภาคอุตสาหกรรมส่งออกที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความสนใจของต่างชาติที่จะลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และจากการเข้าบุกตลาดผู้บริโภคไทยของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่จะนำไปสู่ความต้องการการลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การขนส่ง การเก็บและกระจายสินค้า การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นการขาดแคลนแรงงานจากการปรับตัวรับ พ.ร.ก. แรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ และกำลังซื้อของครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ที่ยังชะลอตัว เป็นปัจจัยหลักที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในปี 2561 ได้
สำหรับตลาดผู้บริโภคยุคดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย รวมถึงในกลุ่มประเทศอาเซียน อินเดีย และจีน ซึ่งเมื่อเชื่อมโยงกันแล้วจะมีฐานผู้บริโภคกว่า 3,000 ล้านคน จึงมีศักยภาพที่จะสร้างโอกาสและมูลค่าให้แก่ธุรกิจได้อย่างมหาศาล อีไอซีมองว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะมีแนวโน้มขยายตัวเด่นชัดทั้งในฝั่งของผู้ให้บริการและฐานผู้บริโภคในปี 2561
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มที่ดี และคาดว่าทั้งปี 2560 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยราว 35.2 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้าร้อยละ 7.9 และเศรษฐกิจไทยปี 2561 โตร้อยละ 3.5 จากแรงหนุนการลงทุนทั้งรัฐและเอกชน นอกจากการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของภาครัฐ จากภาคอุตสาหกรรมส่งออกที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความสนใจของต่างชาติที่จะลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และจากการเข้าบุกตลาดผู้บริโภคไทยของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่จะนำไปสู่ความต้องการการลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การขนส่ง การเก็บและกระจายสินค้า การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นการขาดแคลนแรงงานจากการปรับตัวรับ พ.ร.ก. แรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ และกำลังซื้อของครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ที่ยังชะลอตัว เป็นปัจจัยหลักที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในปี 2561 ได้
สำหรับตลาดผู้บริโภคยุคดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย รวมถึงในกลุ่มประเทศอาเซียน อินเดีย และจีน ซึ่งเมื่อเชื่อมโยงกันแล้วจะมีฐานผู้บริโภคกว่า 3,000 ล้านคน จึงมีศักยภาพที่จะสร้างโอกาสและมูลค่าให้แก่ธุรกิจได้อย่างมหาศาล อีไอซีมองว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะมีแนวโน้มขยายตัวเด่นชัดทั้งในฝั่งของผู้ให้บริการและฐานผู้บริโภคในปี 2561