xs
xsm
sm
md
lg

ปภ.เผยยังมีพื้นที่ 5 จังหวัดเผชิญสถานการณ์น้ำไหลหลากจากอิทธิพล"ทกซูรี"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุทกซูรี ตั้งแต่วันที่ 15 – 18 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ สกลนคร เลย แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สตูล พังงา เชียงราย ลำปาง และชัยภูมิ รวม 34 อำเภอ 92 ตำบล 322 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 7 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 5 จังหวัด รวม 17 อำเภอ 53 ตำบล 238 หมู่บ้าน ซึ่งสถานการณ์ในภาพรวมอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย พร้อมนำเรือและรถขนย้ายให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน รวมถึงจัดรถผลิตน้ำดื่มและรถไฟฟ้าส่องสว่างให้บริการแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ

นอกจากนี้ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้กำชับให้หน่วยปฏิบัติให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง มุ่งเน้นการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของผู้ประสบภัยเป็นหลัก พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำกับกรมชลประทาน พบว่า ภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุทกซูรี ทำให้แม่น้ำยมมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ต้องเพิ่มการระบายน้ำ อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน ดังนี้ แพร่ ในอำเภอวังชิ้น สุโขทัย ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย และอำภอกงไกรลาศ พิษณุโลกใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพรหมพิราม อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอบางระกำ และอำเภอบางกระทุ่ม พิจิตร ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล และอำเภอบึงนาราง นครสวรรค์ ในอำเภอชุมแสง

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เตรียมพร้อมรับมือน้ำไหลหลาก โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ โดยเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดปริมาณน้ำฝน และตรวจสอบระดับน้ำ รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย เคยประสบปัญหาอุทกภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัย

สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น