วันนี้ (16 มี.ค.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน" (60+ Earth Hour 2017) ภายใต้แนวคิด "ปิดเพื่อโลก เปลี่ยนเพื่ออนาคต" ซึ่งจะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมนี้
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในช่วง 10 ปี พบว่ามีการใช้พลังงานฟุ่มเฟือย เกิดเป็นก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน มีภัยพิบัติต่างๆ ตามมา
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จัดกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน" โดยจะร่วมกันปิดไฟคนละ 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 20.30 - 21.30 น. พร้อมกับเมืองหลวงทั่วโลก
ในวันดังกล่าว ก่อนเริ่มกิจกรรมในเวลา 16.00 น. จะมีการปั่นจักรยาน จากศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) มาถึงหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซาแกรนด์พระราม 9 เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง โดยกิจกรรมสำคัญคือการนับถอยหลังปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นทั่วประเทศ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังกำหนดปิดไฟจุดสำคัญ เช่น ถนนข้าวสาร เสาชิงช้า สะพานพระรามแปด ตึกใบหยก นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังจัดกิจกรรม ปั่นไปปลูก หรือร่วมกันปลูกเพื่อเปลี่ยน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตจะรวมตัวกันปั่นจักรยานไปปลูกต้นไม้ตามสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 13- 25 มีนาคม
ตั้งแต่ปี 2551 ที่เริ่มกิจกรรมนี้ สามารถประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 2,020 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ได้ 1,057 ตัน ประหยัดงบประมาณกว่า 8,000,000 บาท ส่วนตลอดเวลา 9 ปี ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมมา สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 14,344 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 72,172 ตัน ประหยัดงบประมาณได้กว่า 49,000,000 บาท ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ
ขณะที่กรุงเทพมหานคร มีการใช้ไฟฟ้าร้อยละ 20 ของประเทศ ดังนั้นหากปิดไฟปีละ 1 ชั่วโมง สามารถนำงบประมาณที่ประหยัดได้ มาพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครได้ มั่นใจว่า ในปีนี้จะมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม ช่วยกันปิดไฟ บ้านเรือนละ 1 ชั่วโมงเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่า จะสามารถประหยัดไฟไม่น้อยกว่า 2,000 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถประหยัดพลังงานได้ตลอด ไม่เฉพาะช่วงจัดกิจกรรมเท่านั้น เพราะการประหยัดพลังงานเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในช่วง 10 ปี พบว่ามีการใช้พลังงานฟุ่มเฟือย เกิดเป็นก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน มีภัยพิบัติต่างๆ ตามมา
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จัดกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน" โดยจะร่วมกันปิดไฟคนละ 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 20.30 - 21.30 น. พร้อมกับเมืองหลวงทั่วโลก
ในวันดังกล่าว ก่อนเริ่มกิจกรรมในเวลา 16.00 น. จะมีการปั่นจักรยาน จากศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) มาถึงหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซาแกรนด์พระราม 9 เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง โดยกิจกรรมสำคัญคือการนับถอยหลังปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นทั่วประเทศ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังกำหนดปิดไฟจุดสำคัญ เช่น ถนนข้าวสาร เสาชิงช้า สะพานพระรามแปด ตึกใบหยก นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังจัดกิจกรรม ปั่นไปปลูก หรือร่วมกันปลูกเพื่อเปลี่ยน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตจะรวมตัวกันปั่นจักรยานไปปลูกต้นไม้ตามสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 13- 25 มีนาคม
ตั้งแต่ปี 2551 ที่เริ่มกิจกรรมนี้ สามารถประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 2,020 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ได้ 1,057 ตัน ประหยัดงบประมาณกว่า 8,000,000 บาท ส่วนตลอดเวลา 9 ปี ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมมา สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 14,344 เมกะวัตต์ ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 72,172 ตัน ประหยัดงบประมาณได้กว่า 49,000,000 บาท ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ
ขณะที่กรุงเทพมหานคร มีการใช้ไฟฟ้าร้อยละ 20 ของประเทศ ดังนั้นหากปิดไฟปีละ 1 ชั่วโมง สามารถนำงบประมาณที่ประหยัดได้ มาพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครได้ มั่นใจว่า ในปีนี้จะมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม ช่วยกันปิดไฟ บ้านเรือนละ 1 ชั่วโมงเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่า จะสามารถประหยัดไฟไม่น้อยกว่า 2,000 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถประหยัดพลังงานได้ตลอด ไม่เฉพาะช่วงจัดกิจกรรมเท่านั้น เพราะการประหยัดพลังงานเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ