วันนี้ (14 มี.ค.) นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบความเสียหายโครงสร้างอาคาร ภายในห้องปัญญพัฒน์ ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง สถาบันพัฒนาข้าราชการ กรุงเทพมหานคร ชั้น 4 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่งปิดพื้นที่เป็นเขตอันตรายห้ามเข้า
ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพภายในห้อง พบเอกสาร วัสดุอุปกรณ์สำนักงาน ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า เสียหายทั้งหมด แต่ในส่วนโครงสร้างอาคารยังอยู่ในสภาพดี แม้อาคารนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 2502 นานกว่า 50 ปี แต่ใช้เวลาในการระงับเหตุได้ทันท่วงที ทำให้ไฟไม่ลุกลามไปจุดอื่น โดยห้องนี้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นห้องอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมยืนยันว่า ห้องนี้ไม่ได้เป็นห้องจัดเก็บเอกสารสำคัญแต่อย่างใด ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินคดีความต่างๆ
นอกจากนี้ นายภัทรุตม์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีผู้ตรวจราชการเป็นประธานกรรมการสอบ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง 10-15 วัน เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริง เบื้องต้นคาดว่าเป็นระบบไฟฟ้าลัดวงจร ไม่ใช่การวางเพลิง เพราะไม่มีเอกสารสำคัญที่เป็นเหตุจูงใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร และทรัพย์สินของเอกชน ถือว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นบทเรียนที่จะนำไปประเมินตรวจสภาพอาคารและมาตรการรักษาความปลอดภัยหน่วยงานในสังกัดของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสถานศึกษาทุกแห่งต่อไปอย่างเข้มงวด
ทางด้านนายธเนศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทางกายภาพ มีเพียงเขม่าควันดำติดอยู่บริเวณเพดานเป็นจำนวนมาก เมื่อเจียเขม่าควันออกแล้วตรวจสอบรูปทรง เบื้องต้นพบว่า ทางกายภาพไม่เสียรูปทรง ไม่มีรอยแตกร้าวที่บริเวณพื้น นอกจากนี้ ยังใช้เครื่องมืออัลตราโซนิกตรวจสอบน้ำหนักของเสาและพื้น พบว่าสภาพสมบูรณ์ ไม่มีเศษหลุดร่อนหรือแยกส่วน อีกทั้งคอนกรีตสามารถทนไฟได้นานถึง 2 ชั่วโมง แต่เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นสามารถระงับเหตุได้ไม่ถึง 45 นาที จึงไม่น่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีการหลุดร่อน สามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า มีความร้อนสูงจนทำให้เหล็กงอ ทั้งนี้ ห้องดังกล่าวมีขนาดเพียง 10×5 ตารางเมตรเท่านั้น ใช้เวลาซ่อมแซมไม่เกิน 15 วัน สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพภายในห้อง พบเอกสาร วัสดุอุปกรณ์สำนักงาน ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า เสียหายทั้งหมด แต่ในส่วนโครงสร้างอาคารยังอยู่ในสภาพดี แม้อาคารนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 2502 นานกว่า 50 ปี แต่ใช้เวลาในการระงับเหตุได้ทันท่วงที ทำให้ไฟไม่ลุกลามไปจุดอื่น โดยห้องนี้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นห้องอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมยืนยันว่า ห้องนี้ไม่ได้เป็นห้องจัดเก็บเอกสารสำคัญแต่อย่างใด ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินคดีความต่างๆ
นอกจากนี้ นายภัทรุตม์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีผู้ตรวจราชการเป็นประธานกรรมการสอบ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง 10-15 วัน เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริง เบื้องต้นคาดว่าเป็นระบบไฟฟ้าลัดวงจร ไม่ใช่การวางเพลิง เพราะไม่มีเอกสารสำคัญที่เป็นเหตุจูงใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร และทรัพย์สินของเอกชน ถือว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นบทเรียนที่จะนำไปประเมินตรวจสภาพอาคารและมาตรการรักษาความปลอดภัยหน่วยงานในสังกัดของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสถานศึกษาทุกแห่งต่อไปอย่างเข้มงวด
ทางด้านนายธเนศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบทางกายภาพ มีเพียงเขม่าควันดำติดอยู่บริเวณเพดานเป็นจำนวนมาก เมื่อเจียเขม่าควันออกแล้วตรวจสอบรูปทรง เบื้องต้นพบว่า ทางกายภาพไม่เสียรูปทรง ไม่มีรอยแตกร้าวที่บริเวณพื้น นอกจากนี้ ยังใช้เครื่องมืออัลตราโซนิกตรวจสอบน้ำหนักของเสาและพื้น พบว่าสภาพสมบูรณ์ ไม่มีเศษหลุดร่อนหรือแยกส่วน อีกทั้งคอนกรีตสามารถทนไฟได้นานถึง 2 ชั่วโมง แต่เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นสามารถระงับเหตุได้ไม่ถึง 45 นาที จึงไม่น่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีการหลุดร่อน สามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า มีความร้อนสูงจนทำให้เหล็กงอ ทั้งนี้ ห้องดังกล่าวมีขนาดเพียง 10×5 ตารางเมตรเท่านั้น ใช้เวลาซ่อมแซมไม่เกิน 15 วัน สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ