xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กต๊อก"เมินศิษย์"ธัมมชโย"ป่วน ย้ำถ้าข้องใจมาถามเองที่ดีเอสไอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของกลุ่มลูกศิษย์พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งถูกดีเอสไอออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร เข้ายื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรม และสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงเรียกร้องให้ดีเอสไอยุติการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ว่า ตนบอกไปแล้วว่าขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรม ใช้ทิศทางที่ราชการได้กำหนดไว้ ซึ่งการร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมก็เป็นสิทธิ์ของเขา และเป็นการรักษาสิทธิ์ของประชาชนทั่วไปที่สามารถทำได้ ทางราชการก็คงจะชี้แจงว่าเหตุผลเพราะอะไร

อย่างไรก็ตาม ตนเรียนหลายครั้งแล้วว่า อยากให้ทำในกระบวนการยุติธรรม หากมีข้อสงสัยไม่ได้รับความเป็นธรรมในประเด็นใด ก็ขอให้มาที่กรมสอบสวนคดีพิศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งตนได้สั่งอธิบดีดีเอสไอไปแล้วว่า ถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีมีความสงสัยก็ให้ตอบคำถามให้หมด ดีกว่าการที่เขาจะไปใช้แนวทางอื่นที่ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งมันจะไม่ถูกต้องและอาจทำให้เกิดความวุ่นวายและปัญหาที่เชื่อมโยงกับคดีได้ ดังนั้น จึงอยากให้นัดหมายมาโดยตรงที่อธิบดีดีเอสไอ เพราะจะได้ชี้แจงให้ทราบเลย เพราะเป็นนโยบายของตนอยู่แล้ว

ส่วนลูกศิษย์พระธัมมชโยจะมาร้องเรียนที่ดีเอสไอหรือไม่นั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า หากสงสัยในประเด็นใดก็ให้ถามมา โดยให้จัดผู้แทนมาสอบถามได้ ทนายก็มาได้ เพราะจะได้ซักถามกันในแง่ของกฎหมายได้ด้วย เชื่อว่าดีเอสไอซึ่งทำงานสืบสวนสอบสวนเขามีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว และจะสามารถตอบคำถามได้ รวมถึงประเด็นที่มีการระบุว่าทางวัดพระธรรมกายได้มีการคืนเงินให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นแล้วด้วย ซึ่งก็จะได้มาสอบถามกันให้เกิดความเข้าใจ

"ผมไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะดีเอสไอจะสามารถตอบในรายละเอียดของกฎหมายได้เข้าใจกว่า ซึ่งจะได้ไม่ต้องเป็นการถามแบบอ้อมไปอ้อมมา หรือผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ และจะทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกว่า แต่เราก็ต้องเคารพ เพราะบางทีประชาชนหลายคนไม่เข้าใจหลายมุม เราต้องมองในแง่บวกบ้าง เพราะเขาอาจจะไม่เข้าใจจริงๆ ก็บอกให้อธิบดีดีเอสไอได้มองในแง่บวกด้วย เมื่อตอบไปหมดแล้ว รู้กันหมดแล้ว ต่อไปก็จะเห็นภาพมากขึ้น"รมว.ยุติธรรม กล่าว

ส่วนกรณีวัดพระธรรมกายเตรียมระดมลูกศิษย์เข้าวัดพระธรรมกาย 10,000 คน ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ก่อนวันวิสาขบูชานั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นการเชื่อมโยงเกี่ยวกับการเตรียมงานวันวิสาขบูชาก็ได้ ตนคิดว่าเป็นกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายเขาทำกัน ที่ผ่านมาเราก็เห็นกันอยู่ เพราะพุทธศาสนิกชนก็จะใช้เวลาตรงนี้ทำกิจกรรมศาสนา ก็คงเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ถ้าถามว่ากระทรวงยุติธรรมได้นำเรื่องตรงนี้มาคิดหรือไม่ ก็เอามาคิดมันมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ แต่ในแง่มุมที่เอามาคิดจริงๆนั้น ก็อยากให้มองในแง่บวก เพราะทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะทำกิจกรรมทางศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ได้สั่งให้อธิบดีดีเอสไอได้คอยติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่แล้วในฐานะเจ้าของเรื่อง แต่เรื่องทั้งหมดถ้ามีอะไรแอบแฝงมันก็จะมุ่งไปสู่สิ่งที่สื่อถาม มันก็อาจจะมุ่งไปสู่ความไม่เรียบร้อย ตรงนั้นก็เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

"แต่ไม่อยากให้พวกเราไปคิดในแง่ ซึ่งผมเข้าใจสิ่งที่สื่อถามในเชิงว่าการออกมารวมตัวในครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวป้องกันในทางที่ไม่ใช้กระบวนการทางกฎหมายใช่หรือไม่ ซึ่งผมก็เคยถามว่าทำไมสื่อถึงคิดแบบนี้ ผมก็เชื่อว่าในสังคมนี้หากใครทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมชาติแล้ว ใครก็มองในแง่มุมหนึ่งได้ มันก็หมิ่นเหม่ที่วัดพระธรรมกายจะจัดกิจกรรมนลักษณะที่มันไม่สอดคล้อง เช่นที่สื่อถามผมด้วยประเด็นที่ว่ามีอะไรเคลือบแคลง ซึ่งสื่อถามผมลักษณะนี้ ผมก็ตอบไปว่ามันเป็นเรื่องกิจกรรมทางศาสนา ซึ่งผมมองในแง่บวก แต่อีกมุมมองหนึ่งคนจะมองอีกมุมหนึ่งได้ ซึ่งมันก็จะกลับไปที่วัดพระธรรมกายจะต้องตอบคำถาม"พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

อย่างไรก็ตามหากในวันที่ 16 พ.ค.นี้ พระธัมมชโยไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกจะดำเนินการอย่างไรนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก็ต้องทำเรื่องไปที่ศาล เพราะเราไม่สามารถออกหมายจับเองได้ ซึ่งก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าก็ต้องทำแบบนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะมีดุลยพินิจอย่างไร เพราะในแง่มุมครั้งที่แล้วคือเหตุผลของการเจ็บป่วยและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลจึงให้ออกหมายเรียกอีกครั้ง แต่ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ตนยังไม่ทราบว่าจะออกมาประเด็นอะไร ถ้าออกมาเจ็บป่วย พนักงานสอบสวนก็คงจะพิจารณา อีกทั้ง ที่ผ่านมา เขาก็พิจารณาแล้วว่าพระธัมมชโยสามารถเดินทางมาได้ ทั้งนี้ เราก็ต้องเอาเหตุผลของแพทย์มาประกอบ เพราะเราก็เชื่อว่าแพทย์มีจริยธรรมอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น