ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลง 3.7% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงกว่า 20% ในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด หรือ -0.64% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด หรือ -1.26% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด หรือ -1.12%
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากราคาน้ำมัน WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 3.7% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน
ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนเมื่อวานนี้ว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะเป็นปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเสรษฐกิจในกลุ่ม G20 ลง 0.3% สู่ระดับ 1.8% ในปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นอาปาเช่ คอร์ป และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 9.5% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 12% หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 7.1%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.5% หุ้นโคเมริกา อิงค์ ปรับตัวลง 4.1%
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.8% หลังจากสมาคมผู้ค้ารถยนต์ของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมในตลาดจีนปรับตัวลง 3.7% ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวลง โดยหุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 1.2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี และหุ้นสกายวอล์ค โซลูชันส์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 4.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนม.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนก.พ. และราคาส่งออกและนำเข้าเดือนก.พ.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด หรือ -0.64% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด หรือ -1.26% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด หรือ -1.12%
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากราคาน้ำมัน WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 3.7% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน
ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนเมื่อวานนี้ว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะเป็นปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเสรษฐกิจในกลุ่ม G20 ลง 0.3% สู่ระดับ 1.8% ในปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นอาปาเช่ คอร์ป และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 9.5% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 12% หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 7.1%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.5% หุ้นโคเมริกา อิงค์ ปรับตัวลง 4.1%
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.8% หลังจากสมาคมผู้ค้ารถยนต์ของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมในตลาดจีนปรับตัวลง 3.7% ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวลง โดยหุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 1.2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี และหุ้นสกายวอล์ค โซลูชันส์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 4.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนม.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนก.พ. และราคาส่งออกและนำเข้าเดือนก.พ.