กรณีสองสามีภรรยากินฆ่าตายเซ่นก่อนวันเลนไทน์ ญาติแยกวันเผาโดยวานนี้เผาสามีและวันนี้เผาภรรยา หลังทั้งคู่ตรอมใจหลังถูกนายจ้างขืนใจมานาน ลูกชายเผยอยากทวงคืนความยุติธรรมให้กับพ่อและแม่หลังแม่ถูกนายจ้างขืนใจแล้วไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมแต่ไม่ได้รับการเหลียวแล ผู้ว่าฯเตรียมไปร่วมงานศพในช่วงบ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น.ที่วัดป่าบ้านหนองใส ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ได้มีบรรดาญาติๆ และชาวบ้านได้เดินทางมาร่วมในงานศพของ นายอุดม (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี และนางสุดารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี สองสามีภรรยาที่กินยาแลนเนทเสียชีวิตในบ้านพักบ้านหนองขาม อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมเขียนจดหมายลาตายบอกถึงเรื่องราวความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว โดยข้อความในจดหมายตัดพ้อเรื่องราวที่ นางสุดารัตน์ ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านที่ร้านขายเหล็ก มีชื่อใน จ.อุดรธานี แต่ถูกนายจ้างข่มขืนหลายครั้ง ต่อมา นายอุดมรู้ข่าวก็ทุกข์ระทมใจไปแจ้งความและร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากเจ้าหน้าที่ฯ มิหนำซ้ำนายจ้างมาเย้ยถึงบ้านว่าไป แจ้งความก็ไม่มีทางสู้คดีได้เพราะรู้จักกับตร.และผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองหลายคน
โดยต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมานายอุดมได้พาภรรยาไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากเจ้าหน้าที่แถมมีหนี้สินล้นพ้นตัวจึงตัดสินใจลาโลกด้วยการกินยาตาย ท่ามกลางความโศกเศร้าของลูกชายและญาติพี่น้องที่ไม่ได้มาจบชีวิตแบบนี้
ด้านบรรยากาศที่วัดบ้านป่าบ้านหนองใสได้ตั้งอภิธรรมศพของสองสามีภรรยาคู่นี้มีชาวบ้านเดินทางมาร่วมงานศพ โดยพระอนุชิต อายุ 21 ปี ลูกชายคนเดียวของสามีภรรยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้บวชหน้าไฟให้พ่อกับแม่ ส่วนใน จดหมายที่แม่ไม่อยากให้จัดงานศพ เพราะไม่มีเงินและต้องการฝังแต่ญาติพี่น้องบอกว่า ต้องเผาตามประเพณี โดยวานนี้(13 ก.พ.59) ได้ทำการเผาพ่อไปแล้ว และวันนี้จะได้เผาแม่ ส่วนตัวเองอยากจะทวงความยุติธรรมให้พ่อและแม่ เพราะที่ผ่านมาแม่บอกว่าเคยไปแจ้งความแล้ว สู้ไปจะชนะหรือเปล่า เพราะคนที่ข่มขืนแม่เป็นเจ้าของธุรกิจค้าเหล็กชื่อดังใน จ.อุดรธานี และเป็นสถานที่แม่ทำงานที่นั่น สาเหตุที่พ่อและแม่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะตรอมใจเกี่ยวกับเรื่องนี้และเรื่องหนี้สินด้วย หลังจากเกิดเหตุก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาบอกว่า จะเดินเรื่องและดูเรื่องคดีให้ แต่ขอให้งานศพเสร็จไปก่อน
พระอนุชิต บอกอีกว่า หลังจากเสียพ่อและแม่ไปแล้วคงต้องสู้ต่อไป โดยจะไปสมัครเป็นทหารที่ค่ายประจักษ์ศิลปาคม เพื่อรับใช้ชาติ เพราะตอนนี้ไม่มีพ่อและแม่แล้ว ส่วนเรื่องคดีความที่แม่เคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรมและแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ว่าถูกข่มขืน ตอนนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาแล้วว่า หลังจากเสร็จงานศพพ่อและแม่ก็จะเดินเรื่องคดีให้แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรขณะเดียวกัน ในเวลา 15.00 น.นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี จะเดินทางมาเป็นประธานร่วมงานศพด้วย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลคดีนี้เป็นพิเศษเพราะเป็นเรื่องราวสังคมที่ถูกเอาเปรียบจนสามีภรรยาต้องกินยาตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น.ที่วัดป่าบ้านหนองใส ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ได้มีบรรดาญาติๆ และชาวบ้านได้เดินทางมาร่วมในงานศพของ นายอุดม (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี และนางสุดารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี สองสามีภรรยาที่กินยาแลนเนทเสียชีวิตในบ้านพักบ้านหนองขาม อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมเขียนจดหมายลาตายบอกถึงเรื่องราวความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว โดยข้อความในจดหมายตัดพ้อเรื่องราวที่ นางสุดารัตน์ ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านที่ร้านขายเหล็ก มีชื่อใน จ.อุดรธานี แต่ถูกนายจ้างข่มขืนหลายครั้ง ต่อมา นายอุดมรู้ข่าวก็ทุกข์ระทมใจไปแจ้งความและร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากเจ้าหน้าที่ฯ มิหนำซ้ำนายจ้างมาเย้ยถึงบ้านว่าไป แจ้งความก็ไม่มีทางสู้คดีได้เพราะรู้จักกับตร.และผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองหลายคน
โดยต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมานายอุดมได้พาภรรยาไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากเจ้าหน้าที่แถมมีหนี้สินล้นพ้นตัวจึงตัดสินใจลาโลกด้วยการกินยาตาย ท่ามกลางความโศกเศร้าของลูกชายและญาติพี่น้องที่ไม่ได้มาจบชีวิตแบบนี้
ด้านบรรยากาศที่วัดบ้านป่าบ้านหนองใสได้ตั้งอภิธรรมศพของสองสามีภรรยาคู่นี้มีชาวบ้านเดินทางมาร่วมงานศพ โดยพระอนุชิต อายุ 21 ปี ลูกชายคนเดียวของสามีภรรยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้บวชหน้าไฟให้พ่อกับแม่ ส่วนใน จดหมายที่แม่ไม่อยากให้จัดงานศพ เพราะไม่มีเงินและต้องการฝังแต่ญาติพี่น้องบอกว่า ต้องเผาตามประเพณี โดยวานนี้(13 ก.พ.59) ได้ทำการเผาพ่อไปแล้ว และวันนี้จะได้เผาแม่ ส่วนตัวเองอยากจะทวงความยุติธรรมให้พ่อและแม่ เพราะที่ผ่านมาแม่บอกว่าเคยไปแจ้งความแล้ว สู้ไปจะชนะหรือเปล่า เพราะคนที่ข่มขืนแม่เป็นเจ้าของธุรกิจค้าเหล็กชื่อดังใน จ.อุดรธานี และเป็นสถานที่แม่ทำงานที่นั่น สาเหตุที่พ่อและแม่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะตรอมใจเกี่ยวกับเรื่องนี้และเรื่องหนี้สินด้วย หลังจากเกิดเหตุก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาบอกว่า จะเดินเรื่องและดูเรื่องคดีให้ แต่ขอให้งานศพเสร็จไปก่อน
พระอนุชิต บอกอีกว่า หลังจากเสียพ่อและแม่ไปแล้วคงต้องสู้ต่อไป โดยจะไปสมัครเป็นทหารที่ค่ายประจักษ์ศิลปาคม เพื่อรับใช้ชาติ เพราะตอนนี้ไม่มีพ่อและแม่แล้ว ส่วนเรื่องคดีความที่แม่เคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรมและแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ว่าถูกข่มขืน ตอนนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาแล้วว่า หลังจากเสร็จงานศพพ่อและแม่ก็จะเดินเรื่องคดีให้แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรขณะเดียวกัน ในเวลา 15.00 น.นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี จะเดินทางมาเป็นประธานร่วมงานศพด้วย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลคดีนี้เป็นพิเศษเพราะเป็นเรื่องราวสังคมที่ถูกเอาเปรียบจนสามีภรรยาต้องกินยาตาย