นายประดับ โพธิกาญจนวัตร รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวานนี้ (11ม.ค.) ไม่มีวาระการประชุมและไม่มีการหารือเรื่องการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ เนื่องจากการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ต้องเป็นไปตาม มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ที่ระบุไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่งในกรณีที่สมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบมส. เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช นัยของกฎหมายชัดเจนไม่ต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตีความ กล่าวคือมส.เรียกประชุม เพื่อขอความเห็นชอบเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ และมีมติเสนอให้นายกรัฐมนตรีนำความขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20
ส่วนกรณีที่มหาเถรสมาคมมีการประชุมนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา และมีกระแสข่าวว่ามีมติเสนอสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยทราบเพียงว่ามีการประชุมจริง แต่เป็นการประชุมลับ จึงไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมด้วย จึงไม่สามารถตอบได้ว่าการประชุมวันนั้นมีการเสนอชื่อตั้งสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยก็ยังไม่ได้แจ้งจากมหาเถรสมาคมว่า มีมติเสนอรายชื่อสมเด็จพระสังฆราช
ขณะที่ นายเสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา และภาคีเครือข่ายได้เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือต่อ ผอ.สำนักพุทธศาสนา เสนอให้ มส.ยึดตามข้อกฎหมาย และพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2535 เป็นหลัก ในการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสนและเพื่อป้องกันความขัดแย้งแตกแยกในสังคม
นายเสถียร ยืนยันว่าที่มายื่นหนังสือไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่สนับสนุนให้การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชดำเนินตามข้อกฎหมาย ซึ่งตามหลัก มส.ต้องเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นอื่นไปมิได้ เมื่อ มส.มีมติรายชื่อเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ก็เสนอก็มีหน้าที่นำเสนอมติมส.ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอขึ้นทูลเกล้าต่อไป
ส่วนกรณีที่มหาเถรสมาคมมีการประชุมนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา และมีกระแสข่าวว่ามีมติเสนอสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยทราบเพียงว่ามีการประชุมจริง แต่เป็นการประชุมลับ จึงไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมด้วย จึงไม่สามารถตอบได้ว่าการประชุมวันนั้นมีการเสนอชื่อตั้งสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยก็ยังไม่ได้แจ้งจากมหาเถรสมาคมว่า มีมติเสนอรายชื่อสมเด็จพระสังฆราช
ขณะที่ นายเสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา และภาคีเครือข่ายได้เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือต่อ ผอ.สำนักพุทธศาสนา เสนอให้ มส.ยึดตามข้อกฎหมาย และพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2535 เป็นหลัก ในการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสนและเพื่อป้องกันความขัดแย้งแตกแยกในสังคม
นายเสถียร ยืนยันว่าที่มายื่นหนังสือไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่สนับสนุนให้การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชดำเนินตามข้อกฎหมาย ซึ่งตามหลัก มส.ต้องเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นอื่นไปมิได้ เมื่อ มส.มีมติรายชื่อเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ก็เสนอก็มีหน้าที่นำเสนอมติมส.ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอขึ้นทูลเกล้าต่อไป