เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2558 สภาคณะกรรมการด้านจริยธรรมของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศผ่านเว็บไซต์ www.fifa.com ว่า ได้สั่งห้ามนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และอดีตกรรมการบริหารของฟีฟ่ายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมฟุตบอลทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นเวลา 90 วัน โดยมีผลทันทีหลังจากที่ประกาศ
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากการร้องเรียน ของ นายคอร์เนล บอร์เบลี่ ประธานด้านการสอบสวนด้านจริยธรรมของฟีฟ่า ซึ่งหลังจากนี้ นายวรวีร์จะต้องถูกสอบสวนด้านจริยธรรมตามกระบวนการอย่างเป็นทางการต่อไปเช่นเดียวกับ เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่า และ มิเชล พลาตินี่ ประธานยูฟ่า ที่ถูกสั่งพักงานไปแล้วก่อนหน้านี้
ด้านนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีฟีฟ่าประกาศห้าม ตนเองยุ่งเกี่ยวกิจกรรมฟุตบอลทุกประเภทนาน 90 วัน เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยละเมิดหลักการด้านจริยธรรมขององค์กรข้อ 83 ย่อหน้าที่ 1 และอาจตัดสินใจในเรื่องสำคัญไม่รวดเร็วเพียงพอนั้น
นายวรวีร์กล่าวว่า ตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคณะกรรมการจริยธรรมของฟีฟ่ามีคำสั่งออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร ซึ่งทำให้ตนเองเสื่อเสียชื่อเสียงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม น่าจะลักษณะเดียวกับ 'มิเชล พลาตินี่' ที่เขายังสามารถจัดประชุมต่าง ๆ ภายในคณะกรรมการบริหาร “ยูฟ่า” ได้ตามปกติ ในวันนี้ (13 ต.ค.) ตนก็จะโทรศัพท์สอบถามไปยังคณะกรรมการจริยธรรมฟีฟ่าว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ต้องเข้าใจว่าคำสั่งที่ออกมานั้น ยังไม่ใช่คำตัดสิน เป็นเพียงคำสั่งให้หยุด
ดังนั้นตนได้มอบให้ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฏหมาย ทำเรื่องอุทธรณ์อย่างเร่งด่วน เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์ ตามกฏหมายไทยถือว่าคดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด ถือว่าตนเองยังมีคุณสมบัติถูกต้องในการทำกิจกรรมภายในประเทศ
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากการร้องเรียน ของ นายคอร์เนล บอร์เบลี่ ประธานด้านการสอบสวนด้านจริยธรรมของฟีฟ่า ซึ่งหลังจากนี้ นายวรวีร์จะต้องถูกสอบสวนด้านจริยธรรมตามกระบวนการอย่างเป็นทางการต่อไปเช่นเดียวกับ เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่า และ มิเชล พลาตินี่ ประธานยูฟ่า ที่ถูกสั่งพักงานไปแล้วก่อนหน้านี้
ด้านนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีฟีฟ่าประกาศห้าม ตนเองยุ่งเกี่ยวกิจกรรมฟุตบอลทุกประเภทนาน 90 วัน เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยละเมิดหลักการด้านจริยธรรมขององค์กรข้อ 83 ย่อหน้าที่ 1 และอาจตัดสินใจในเรื่องสำคัญไม่รวดเร็วเพียงพอนั้น
นายวรวีร์กล่าวว่า ตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคณะกรรมการจริยธรรมของฟีฟ่ามีคำสั่งออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร ซึ่งทำให้ตนเองเสื่อเสียชื่อเสียงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม น่าจะลักษณะเดียวกับ 'มิเชล พลาตินี่' ที่เขายังสามารถจัดประชุมต่าง ๆ ภายในคณะกรรมการบริหาร “ยูฟ่า” ได้ตามปกติ ในวันนี้ (13 ต.ค.) ตนก็จะโทรศัพท์สอบถามไปยังคณะกรรมการจริยธรรมฟีฟ่าว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ต้องเข้าใจว่าคำสั่งที่ออกมานั้น ยังไม่ใช่คำตัดสิน เป็นเพียงคำสั่งให้หยุด
ดังนั้นตนได้มอบให้ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฏหมาย ทำเรื่องอุทธรณ์อย่างเร่งด่วน เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์ ตามกฏหมายไทยถือว่าคดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด ถือว่าตนเองยังมีคุณสมบัติถูกต้องในการทำกิจกรรมภายในประเทศ