บอร์ด "เซ็ปเป้" ไฟเขียวควักทุ่มทุน 1,630 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ผลิตเครื่องดื่มที่ปทุมธานี เพิ่มกำลังผลิต 66,000 ตันต่อปี หนุนกำลังการผลิตรวม 242,500 ตันต่อปี คาดก่อสร้างและเดินเครื่องผลิตไตรมาส 2 ปี 2568
น.ส.ปิยจิต รักอริยะพงศ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จํากัด (มหาชน) หรือ SAPPE แจ้งว่าคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ในโครงการลงทุนก่อสร้างอาคารโรงงานอาคารคลังสินค้า และการติดตั้งเครื่องจักรเพื่อการผลิตเครื่องดื่ม ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตประมาณ 66,000 ตันต่อปี ทั้งยังมีพื้นที่ซึ่งบริษัทสามารถเพิ่มเติมไลน์การผลิตได้อีก 2 ไลน์ รวมเป็น 3 ไลน์การผลิต รวมขนาดการผลิตสูงสุด 242,500 ตันต่อปี โดยอาคารโรงงานและอาคารคลังสินค้านี้ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงงานเดิมที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี บนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท มูลค่าการลงทุนรวมสูงสุดไม่เกิน 1,630 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
โดยแบ่งเป็นค่าก่อสร้างโรงงานระบบสาธารณูปโภคพร้อมการติดตั้ง ค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์การสนับสนุนในการผลิต สูงสุดไม่เกิน 1,500 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขชำระเงินล่วงหน้าตามข้อตกลงในสัญญา และจ่ายชำระเป็นงวดๆ ตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานก่อสร้าง และตาม Credit Term 60-120 วัน ของผู้ขายแต่ละราย
ค่าก่อสร้างคลังสินค้า ระบบสาธารณูปโภคพร้อมการติดตั้ง ค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์การสนับสนุนในการจัดการคลังสินค้า มีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 130 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขชำระเงินล่วงหน้าตามข้อตกลงในสัญญา และจ่ายชำระเป็นงวดๆ ตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานก่อสร้าง และตาม Credit Term 60-120 วัน ของผู้ขายแต่ละราย
ทั้งนี้ การก่อสร้างอาคารโรงงาน อาคารคลังสินค้า และการติดตั้งเครื่องจักรจะใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 18-20 เดือน คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการผลิตได้ประมาณไตรมาส 2 ปี 2568 และคาดว่าจะทำให้บริษัทมีกําลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 66,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันประมาณ 160,000 ตันต่อปี ซึ่งจะรองรับความต้องการของลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและที่คาดการณ์ในอนาคต รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของโลกและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการจัดการคลังสินค้า โดยการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นระบบอัตโนมัติ ทําให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ลดการพึ่งพาแรงงาน และมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ