LPN ปรับใหญ่โครงสร้างองค์กร กางแผนยุทธศาสตร์ธุรกิจ 3 ปี 64-67 ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งรายได้ และกำไร วางเป้า 3 ปี Turnaround รายได้ TOP 5 อสัหาฯ รายได้ไม่ต่ำ 16,000 ล้านบาท พร้อมเน้นบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาคุณภาพที่อยู่อาศัยและบริการตอบโจทย์ความต้องการผู้ซื้อในทุกมิติ ปี 64 เปิดตัว 9 โครงการใหม่ มูลค่า 8,500 ล้านบาท วางเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ได้วางแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่องค์กรที่มีอัตราการเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไรที่ยั่งยืน โดยเน้นบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ใช้ Big Data ช่วยวิเคราะห์ความต้องการลูกค้า เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในทุกมิติในระดับราคาทั้งกลุ่มที่อยู่อาศัยประเทศบ้าน และคอนโอมิเนียม ภายใต้แนวคิด "ความพอดีที่ดีกว่า" (The Better Balance)
โดยในปี 64 นี้ LPN จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรจากการทำงานตามหน้าที่ ไปสู่การบริหารงานรูปแบบหน่วยธุรกิจ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลปรับกระบวนการทำงาน เพื่อสร้างความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารค่าใช้จ่ายและต้นทุนดำเนินงาน สร้างประสบการณ์ลูกค้าผ่านแพลตฟอร์ม
“ปีนี้จะเป็นปีของการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 65-67 ซึ่งบริษัทจะ Turnaround ทั้งในด้านยอดขาย รายได้ และกำไร กลับไปอยู่ใน TOP 5 บริษัทอสังหาฯ โดยมีเป้าหมายรายได้ใน 3 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท หลังจากก้าวข้ามวิกฤตในปีที่ผ่านมา โดยสามารถรักษาความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรไว้ได้ในอัตราที่เหมาะสม”
นอกจากนี้ LPN ยังได้วางแผนให้ทุกหน่วยธุรกิจ เน้นการเพิ่มรายได้และบริหารต้นทุนผ่าน 4 ยุทธศาสตร์หลัก คือ การรุกตลาดแนวราบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ให้ขยายฐานรายได้จากภาคธุรกิจบริการให้มากขึ้น พร้อมๆ ไปกับการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินเพื่อรองรับกับความเสี่ยงทางธุรกิจและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทรัพย์สิน หรือสต๊อกสินค้ารอการขายที่มีอยู่ในมือ
โดยในส่วนของการขยายตลาดแนวราบนั้น ในปี 64 จะเปิดตัวโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ โดยมีแผนเปิดตัว 6 โครงการ มูลค่า 5,500 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยวพรีเมียมราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ "บ้าน 365" 1-2 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยรูปแบบโครงการใหม่นั้นจะเน้นโครงการขนาดเล็กในย่านใจกลางเมือง และโครงการในแบรนด์ "บ้านลุมพินี ทาวน์เพลส" และ "บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์" ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท 3-5 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท โดยมีเป้าว่าในปี 64 นี้ LPN จะเพิ่มสัดส่วนรายกลุ่มสินค้าแนวราบจาก 20% เป็น 30% และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนรายได้ของสินค้าแนวราบให้มาอยู่ที่ 50% ภายในปี 67 ส่วนกลุ่มที่อยู่อาศัยคอนโด ในปีนี้จะยังคงรักษารายได้จากให้มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยในปี 64 นี้ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีนี้ยังเป็นปีที่ LPN เน้นขยายฐานรายได้ในกลุ่มธุรกิจงานบริการไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยนำเอาแพลตฟอร์มธุรกิจสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้แก่กลุ่มธุรกิจบริการภายใต้การบริหารของบริษัทในเครือ ทั้งบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) บริษัท แอล พี ซี วิสาหกิจ เพื่อสังคม จำกัด (LPC) บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) และบริษัท รักษาความปลอดภัย แอลเอสเอส โซลูชั่นส์ จำกัด (LSS) โดยตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการเติบโต 20% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากบริการและธุรกิจให้เช่า 1,361 ล้านบาท
นายโอภาส กล่าวว่า ในปีนี้ LPN ยังมีแผนที่จะนำเอาทรัพย์สินที่มีอยู่ เช่น อาคารชุดพักอาศัยที่สร้างเสร็จรอขายแล้วนั้นมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ และรวมถึงการสร้างแบ็กล็อกเพื่อขายในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำที่ดินที่รอการพัฒนาบางส่วนมาพัฒนาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่ดินที่บริษัทถือครองอยู่ เพิ่มเติมจากที่ดำเนินการไปแล้วในปี 63 ที่สามารถทำรายได้เติบโตในส่วนนี้ได้ถึง 30%
“ในปี 64 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ 30% และมีรายได้จากคอนโด 70% และมีรายได้จากธุรกิจบริการ และรายได้จากธุรกิจให้เช่าเติบโต 20% ใกล้เคียงปี 63 ที่ผ่านมา”
