xs
xsm
sm
md
lg

เร่งคลอดกม.วิชาชีพการประเมินราคาทรัพย์สิน สร้างมาตรฐานเทียบสากล

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ในฐานะประธานสมาคมผู้ประเมินราคาแห่งอาเซียน
ส.ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานประชุมสภานักประเมินราคาแห่งอาเซียน ครั้งที่ 22 พร้อมเร่งผลักดันกฎหมายวิชาชีพการประเมินราคาทรัพย์สิน ช่วยยกระดับมาตรฐานการประเมินของไทย แก้ปัญหาเรื่องเงินทอน ห่วงไทยหนี้เสียสูงติดอันดับโลก ห่วงสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล อาจมีปัญหา

นายวราพงษ์ เกียรตินิยมรุ่ง นายกสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (VAT) กล่าวว่า สมาคมฯได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2529 เป็นผลจากการเข้าเป็นสมาชิกกับ “สมาคมผู้ประเมินราคาทรัพย์สินแห่งอาเซียน” จากมติดังกล่าวประเทศไทยในฐานะสมาชิก จึงต้องดำเนินการจัดตั้ง “สมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย” ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ประสานงานกับสมาคมผู้ประเมินราคาทรัพย์สินแห่งอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการผลิตบุคลากรด้านการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน กำหนดและพัฒนามาตรฐานการประกอบวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ร่วมมือและประสานงานกับสมาคมผู้ประเมินราคาทรัพย์สินแห่งอาเซียน และสถาบันที่มีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกันทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ด้วยพันธกิจพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐาน สำหรับการประกอบวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สินสู่ระดับสากล สร้างความเชื่อมั่นต่อสมาชิกและผู้ใช้บริการในวิชาชีพประเมินมูลค่าทรัพย์สิน สมาคมจึงมีความประสงค์ในการผลักดันให้เกิดกฎหมายวิชาชีพการประเมินราคาทรัพย์สิน ซึ่งบทสรุปจากการประชุมสภานักประเมินราคาแห่งอาเซียน ครั้งที่ 22 นี้ จะนำไปสู่การผลักดันกฎหมายวิชาชีพการประเมินราคาทรัพย์สินในประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ในฐานะประธานสมาคมผู้ประเมินราคาแห่งอาเซียน เปิดเผยว่า สมาคมผู้ประเมินราคาแห่งอาเซียน The ASEAN Valuers Association (AVA) ก่อตั้งในปี 2524 ปัจจุบันมี ประเทศสมาชิก 8 ประเทศในอาเซียนและลาว และพม่า มีสถานะเป็นผู้สังเกตการณ์

สำหรับ AVA จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การพัฒนามาตรฐาน การนำเทคโนโลยี่ใหม่ๆ มาใช้ รวมถึงการแก้ปัญหาด้านการประเมินค่าทรัพย์สินของประเทศสมาชิก นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงกับสมาคมผู้ประเมินค่าในภูมิภาคอื่นๆ อย่างเช่น เกาหลี ญี่ปุ่น หรือสมาคมในทวีปยุโรป ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อนำความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนามาตรฐานให้กับประเทศสมาชิก

“ในปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ประธานอาเซียนสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย จึงใช้โอกาสนี้เสนอต่อ AVA เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม สภานักประเมินราคาแห่งอาเซียน ครั้งที่ 22 ขึ้นในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20-22 ตุลาคม 2562 ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา และตนยังได้รับตำแหน่งเป็นประธานสภานักประเมินราคาแห่งอาเซียนในระหว่างปี 2562-2563 ”

สำหรับการประชุมในครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญต่อการผลักดันให้ไทยได้ยกระดับวิชาชีพการประเมินราคาทรัพย์สิน เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายควบคุมวิชาชีพการประเมินราคาทรัพย์สิน และไม่มีหน่วยงานตามกฎหมายที่จะกำกับดูแลมาตรฐานการประเมินราคา ประเทศไทยจึงได้เกิดปัญหาจากการประเมินราคาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยทางสมาคมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาร่วมประชุม เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการมีกฎหมายควบคุมมาตรฐาน และพัฒนาการด้านต่างๆ ของการประเมินราคาทรัพย์สินในแต่ละประเทศสมาชิก AVA

"ร่างกฎหมายเรียบร้อยแล้ว เรื่องอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณากฤษฎีกา ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะต้องส่งเรื่องให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าอย่างเร็วสุดไม่น่าจะเกิน 1 ปี"

นายกิตติ กล่าวว่า วิชาชีพการประเมินราคามีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าการประเมินขาดมาตรฐานที่ดี หรือมีปัญหาด้านจริยธรรมมีการประเมินราคาที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปโดยไม่มี กฎหมายควบคุมก็จะเกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ ช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในปี 2540 ได้มีการประเมินราคาหลักประกันที่สูงเกินจริง จนทำให้ ธนาคารเกิดความเสียหาย และเกิดเป็นปัญหาต่อระบบสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่

“กรณีล่าสุด คือ การประเมินราคาหลักประกันที่อยู่อาศัยที่สูงเกินจริง หรือที่เรียกกันว่า สินเชื่อเงินทอน จนธนาคารแห่งประเทศไทยต้องออกแนวนโยบายในการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือมาตรการ LTV จนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ภาวะชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นจากการที่เราไม่มีเครื่องมือในการกำกับดูแล เหมือนวิชาชีพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ สถาปนิก หรือวิศวกร จึงควรที่จะต้องเร่งผลักดันกฎหมายวิชาชีพการประเมินราคาทรัพย์สิน ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีชุดที่แล้วให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ” นายกิตติ กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า การมีกฎหมายบังคับจะช่วยทำให้เกิดมาตรฐานและเป็นระบบ

สำหรับสถานการณ์เรื่องหนี้เสียในประเทศไทยนั้น นายกิตติ กล่าวว่า เป็นหนึ่งประเทศที่มีหนี้เสียสูงในโลก หากพิจารณาจากระบบการเงินแล้ว หนี้เสียรวมมีประมาณ 3-4% โดยเฉพาะที่น่าเป็นห่วงจะเป็นกลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ที่ค่อนข้างมีหนี้เสียจำนวนมาก ซึ่งในต่างประเทศ อย่างเช่น ไต้หวัน มีหนี้เสียประมาณ 0.2% ซึ่งลดลงเมื่อย้อนหลังไป 7-8 ปี ที่มีหนี้เสียประมาณ 0.5% ซึ่งเป็นตัวเลขขั้นวิกฤตของระบบการเงินในประเทศเกาหลี.
กำลังโหลดความคิดเห็น