มติการซื้อหุ้น บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด จากกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช ในราคาหุ้นละ 30.787บาท ต้องถือว่า คณะกรรมการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ใจถึงมาก เพราะราคาหุ้นที่สูง สวนทางกับงบการเงินที่สะท้อนถึงสถานการณ์อันย่ำแย่ ไม่น่าจะมีใครสนใจหุ้นกลุ่ม เคพีเอ็น อะคาเดมี
ดังนั้น การแลกหุ้นระหว่าง ECF กับหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมีของกลุ่มนายณพครั้งนี้ ฝ่ายที่เสียเปรียบจึงน่าจะเป็น ECF เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียน หุ้นมีราคาอ้างอิงที่ซื้อขายในตลาดหุ้น
แต่เคพีเอ็น อะคาเดมี ไม่มีราคาตลาดอ้างอิง ส่วนราคาประเมินมูลค่ายุติธรรมจาก บริษัท โอไรอ้อน แอ๊คไวเซอร์รี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินนั้น เป็นการประเมินที่มองโลกในแง่ดีมาก
ผู้ถือหุ้น ECF อาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบที่ได้รับ เพราะรายการซื้อทรัพย์สินครั้งนี้ ไม่ได้ใช้เงินสดของบริษัทซื้อ แต่เป็นการออกหุ้นเพิ่มทุนแลกหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมี
การเพิ่มทุนเพื่อแลกหุ้นกับกลุ่มนายณพ จะทำให้ปริมาณหุ้นเพิ่มขึ้น และถ้ากลุ่มเคพีเอ็น อะคาเดมีไม่สามารถสร้างรายได้ให้ ECF หรือผลประกอบการขาดทุนอย่างที่เกิดขึ้นในงบการเงินล่าสุด จะ ฉุดให้ผลกำไร ECF ลดลง ราคาหุ้นจะทรุดตาม
ในที่สุดผู้ถือหุ้นรายย่อย ECF จำนวนกว่า 5,098 รายจะเสียหาย เพราะผลประกอบการบริษัทตกต่ำ แต่ปริมาณหุ้นมากขึ้น จะทำให้ผลกำไรต่อหุ้นลดลง และส่งผลให้เงินปันผลที่น้อยนิดอยู่แล้ว ลดน้อยลงไปอีก นอกจากนั้น อาจมีแรงขายหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ที่หุ้น ECF จากการแลกหุ้น เคพีเอ็น อะคาเดมี กดดันราคาหุ้นซ้ำเติมอีก
ผลประกอบการ ECF ไม่ได้โดดเด่น โดยปี 2560 มีกำไรสุทธิ 73.05 ล้านบาท ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 33.76 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 13.78 ล้านบาท โดยมีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 64 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.30 %
ปัจจัยพื้นฐานหุ้น ECF ไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่ราคาหุ้นกลับเคลื่อนไหวอย่างหวือหวา โดยในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 9.20 บาท ก่อนถูกทุบลงมาต่ำสุดที่ 2.10 บาท
ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 2.30 บาท และการประกาศข่าวซื้อหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมี ไม่ได้ส่งแรงกระตุ้นต่อราคาหุ้นแต่อย่างใด โดยราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่เบาบาง โดยนักลงทุนไม่ถือว่า การแลกหุ้นกับหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมี เป็นข่าวดีที่จะเก็งกำไรได้
"กลุ่มสุขสวัสดิ์" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ECF โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 50% ของทุนจดทะเบียน และ ECF เป็นอีกบริษัทที่เพิ่มทุนจดทะเบียนถี่ โดยปี 2560 เพิ่มทุนขายบุคคลในวงจำกัด 1 ครั้ง และปี 2561 เพิ่มทุนขายบุคคลในวงจำกัด อีก 2 ครั้ง
การเพิ่มทุนเพื่อนำหุ้นและกับหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมีครั้งนี้ได้ เป็นการเพิ่มทุนครั้งที่ 4 ในรอบ 3 ปี แต่เป็นการเพิ่มทุนแลกหุ้นที่ทำให้เกิดข้อสงสัยในการเจรจาตกลงแลกหุ้น ระหว่าง กลุ่มสุขสวัสดิ์กับนายณพ
28 พฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อขอมติการจัดทำรายการซื้อหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมี ซึ่งต้องใช้เสียงของผู้ถือหุ้น 3 ใน 4 เพื่ออนุมัติการจัดทำรายการ
จะมีใครออกมาเตือนผู้ถือหุ้นรายย่อย ECF ขอให้ศึกษาข้อมูลการซื้อหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมี ก่อนลงมติ เหมือนที่ ก.ล.ต. มักออกมาเตือนหรือไม่ เพราะรายการแลกหุ้นครั้งนี้ ดูยังไง ๆ อยู่
อยู่ดี ๆ กลุ่มสุขสวัสดิ์ก็เปิดทางให้กลุ่ม "นายณพ ณรงค์เดช" แปลงหุ้นเคพีเอ็น อะคาเดมี เป็นหุ้นจดทะเบียนที่พร้อมขายทำเงินในตลาดหุ้นได้ทันที เหมือนกับ เล่นแร่แปรธาตุกัน
กลุ่มสุขสวัสดิ์กำลังเล่นอะไรกับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช เป็นสิ่งที่ คนในแวดวงตลาดหุ้นตั้งคำถาม
