"ธ.ก.ส." เตรียมเงินกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในภาคอีสานกว่า 1 ล้านราย ที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมจากพายุโซนร้อนโพดุล โดยจะพิจารณาให้เงินกู้ฉุกเฉินบรรเทาความเดือดร้อนไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อราย คิดดอกเบี้ย 0% ใน 6 เดือน หวังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในครัวเรือนและป้องกันสร้างหนี้นอกระบบ ไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับ 6 เดือนแรก ทั้งเพื่อเตรียมปล้อยกู้เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามความจำเป็นไม่เกิน 5 แสนบาทต่อราย โดยดอกเบี้ย 4.875% ต่อปี กำหนดระยะเวลาคืนหนี้ไม่เกิน 15 ปี
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติธรรมชาติจากพายุโซนร้อนโพดุล ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่มและลมกระโชกแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อการเกษตร ตลอดจนทรัพย์สินที่อยู่อาศัยของลูกค้าและประชาชนทั่วไปว่า ธ.ก.ส. ได้กำหนดแนวทางพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ธนาคารฯ ในพื้นที่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแล้ว
โดยในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน ได้มอบหมายพนักงานในพื้นที่ออกเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจลูกค้า โดยนำเงินจากกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติของ ธ.ก.ส. ไปจัดหาถุงยังชีพเพื่อนำไปมอบให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนที่เดือดร้อน ทั้งนี้ เบื้องต้นส่งถุงยังชีพช่วยเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร นครพนม ไปแล้วกว่า 20,000 ถุง
นอกจากนี้ ยังได้เข้าไปสนับสนุนศูนย์อพยพหรือจุดรวมพลต่างๆ เพื่อช่วยจัดหาอาหาร น้ำดื่ม บริการสุขาเคลื่อนที่ เต็นท์สนาม รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านอื่นๆ เช่น ค่าเช่าเรือ ค่าเช่ารถบรรทุก ค่าแรงงาน และหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ธ.กส. จะเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูหลังประสบภัย เช่น การมอบเงินสมทบทุนสร้างบ้านหลังใหม่ การซ่อมแซมทรัพย์สินของใช้จำเป็น การซ่อมแซมเครื่องจักรการเกษตร และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวเนื่องในการให้ความช่วยเหลือกรณีฟื้นฟูหลังประสบภัย
ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านภาระหนี้สินที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. ว่า ในกรณีที่เกษตรกรได้รับความเสียหายด้านการผลิตและส่งผลกระทบต่อรายได้ ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารในภาคอีสานมากกว่า 1 ล้านราย โดย ธ.ก.ส. ได้เตรียมวงเงินกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารฯ จะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามความหนักเบาของผู้ประสบภัยทุกราย และพิจารณาให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน บรรเทาความเดือดร้อนจำเป็นในครัวเรือนและป้องกันการก่อหนี้นอกระบบ ไม่เกินรายละ 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับในช่วง 6 เดือนแรก
นอกจากนี้ ยังจะมีสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับเกษตรกรลูกค้าผู้ประสบภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติตามความจำเป็นแต่ไม่เกินรายละ 500,000 บาท กำหนดคิดดอกเบี้ยดอกเบี้ยที่ MRR -2% หรือเท่ากับ 4.875% ต่อปี และกำหนดระยะเวลาในการชำระคืนไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้สร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย หรือลงทุนซ่อมแซมโรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตรหรือฟื้นฟูการประกอบอาชีพการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย
ส่วนผลกระทบน้ำท่วมนั้น แม้ ธ.ก.ส. จะเตรียมวงเงินไว้แล้ว แต่ยังต้องรอความชัดเจนถึงจำนวนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีมากน้อยเพียงใด แต่ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ธ.ก.ส. จะเตรียมวงเงินและมาตรการช่วยเหลือไว้อย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมา เกษตรกรขอสินเชื่อจากผลกระทบภัยแล้งก่อนหน้านี้อนุมัติไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และ 10,000 ครัวเรือน และอยู่ระหว่างพิจารณาจ่ายเงินชดเชยกรณีทำประกันภัยพืชผลและอื่นๆ ให้อีกด้วย
นายสมเกียรติ ยังย้ำว่า ขอให้เกษตรกรที่มีภาระหนี้สินกับ ธ.ก.ส. อย่าได้กังวลใจ ธ.ก.ส. พร้อมเข้าไปดูแลตามมาตรการการช่วยเหลือที่กำหนดไว้ รวมถึงพร้อมที่จะดำเนินการอื่นๆ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป