ซีไอเอ็มบีไทย ระบุกองทุน SEF เน้นเจาะกลุ่มรายได้ปานกลางมากขึ้น คาดทำผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปีที่ 5-8% ขณะที่กลุ่มลูกค้า Preferred 7 เดือนแรกมียอด 2.7 แสนล้าน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2.5 แสนล้าน
น.ส.ดุษณี เกลียวปฏินนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารผลิตภัณฑ์การออม ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า จากการที่ทางกระทรวงการคลังได้มีการยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีของกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ในปีหน้า พร้อมนำเสนอกองทุนหุ้นยั่งยืน (Sustainable Equity Fund : SEF) นั้น ธนาคารมองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้ปานกลาง (30,000-40,000 บาทต่อเดือน) เข้ามาลงทุนมากขึ้นจากสิทธิพิเศษทางภาษีที่กำหนดให้วงเงินลงทุน 30% ของรายได้หรือไม่เกิน 250,000 บาทต่อปี เนื่องจากกอง LTF นั้นกำหนดวงเงินซื้อที่ระดับไม่เกิน 15% ของรายได้หรือไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี ขณะที่ยอดขายกอง LTF ในปีนี้ก็น่าจะอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อนที่ประมาณ 50,000 ล้านบาทเล็กน้อย เพราะอาจจะมีผู้ลงทุนใหม่เข้ามาซื้อเพิ่มก่อนที่จะหมดสิทธิพิเศษไป แต่อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ที่ชัดเจนของกองทุน SEF จะต้องรอการพิจารณาเป็นขั้นสุดท้ายจากกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่ง
"จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นกอง LTF หรือ SEF ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่ดีเพราะมีรีเทิร์นสูง ถือเป็นกองที่ บลจ.เอาผลงานมาแข่งกันโชว์ โดยเฉลี่ย 5 ปีมีผลตอบแทน 5-8% เฉลี่ย 7 ปีที่ 8% ซึ่งคาดว่า SEF ก็คงมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจาก SEF วงเงิน 65% มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่มีความยั่งยืน หุ้นธรรมาภิบาล หุ้น MAI ซึ่งถือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะมีผลตอบแทนที่ดีในระยะกลาง-ยาว ขณะที่คนที่ถือ LTF ก็ไม่ควรรีบขายเพราะยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ พร้อมกันนี้ ก็ต้องหาช่องทางการลงทุนอื่นเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษทางด้วย"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการขายกองทุน SEF ในช่วงแรกอาจจะอาจจะต้องใช้การทำประชาสัมพันธ์ให้มากกว่าเดิม เนื่องจากกลุ่มรายได้เป้าหมายอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับการลงทุนประเภทนี้ ขณะเดียวกัน ก็เร่งหนุนให้เกิดการทำแผนการออม (Saving Plan) เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และความสำคัญต่อการออมมากขึ้น
**เผยยอด AUM 7 เดือนทะลุเป้า**
สำหรับลูกค้ากลุ่มบุคคลธนกิจของธนาคาร (CIMB Preferred) นั้น ในช่วง 7 เดือนแรกของปีมียอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 2.7 แสนล้านบาท เป็นจำนวนลูกค้า 78,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย AUM ณ ปลายปีที่ตั้งไว้ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารมีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ให้ผลตอบแทนที่ดี เช่น เงินฝากพิเศษ 7 เดือน ดอกเบี้ย 2% ที่ลูกค้าสนใจนำเงินฝากเข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่การจัดพอร์ตการลงทุนในภาวะที่มีความผันผวนนั้น ควรแบ่งการลงทุนไปในหลายๆ ส่วน ทั้งกลุ่ม Fixed Income เช่น ตราสารหนี้ต่างๆ ตามเรตติ้งที่สามารถรับความเสี่ยงได้ หุ้นในบางกลุ่มตามจังหวะ ความเสี่ยงที่รับได้เช่นกัน รวมถึงการมองหาการลงทุนทางเลือกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ที่ดิน หรือการเทรดหุ้นในตลาดต่างประเทศ เป็นต้น