xs
xsm
sm
md
lg

บล.เออีซีมอง SET สัปดาห์นี้ไซด์เวย์อัพในกรอบ 1,720-1,750 จุด รับ Sentiment บวกต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


AEC มอง SET สัปดาห์นี้ไซด์เวย์อัพในกรอบ 1,720-1,750 จุด รับ Sentiment บวกต่างประเทศ แม้ปัจจัยในประเทศกดดันจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่แสดงสัญญาณชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่รับผลกระทบจากสงครามการค้า และการใช้จ่ายภาครัฐที่เผชิญกับความล่าช้าของงบประมาณปี 2563

บล.เออีซี (AEC) ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (8-12 ก.ค.) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up ในกรอบ 1,720-1,750 จุด รับ Sentiment บวกต่างประเทศ จากสภาพคล่องในตลาดเงินที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางจีน และธนาคารญี่ปุ่นตั้งเป้าใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย ประกอบกับในสัปดาห์นี้หากรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือน มิ.ย.ออกมา รวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีมุมมองลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้มากกว่า 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยในประเทศกดดันจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่แสดงสัญญาณชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่รับผลกระทบจากสงครามการค้า และการใช้จ่ายภาครัฐ ที่เผชิญกับความล่าช้าของงบประมาณปี 2563 ทำให้คาดปัจจัยดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่กดดันกำไรสุทธิ/หุ้น (EPS) ของ SET Index ทั้งนี้ ในช่วงสั้นนักลงทุนจะให้ความสนใจการประกาศงบการเงินของหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศงบการเงิน เพื่อเป็น Leading Indicator สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มกำไรของหุ้นในกลุ่ม Real Sector ที่จะประกาศต่อไป

ดังนั้น ภายใต้ภาวะผันผวนของตลาดจึงแนะนำหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะหุ้นที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนสินค้าถูกลง ได้แก่ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNEX และ บมจ.หาญ เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่นส์ (HARN) และกลุ่ม Defensive Stock ได้แก่ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) นอกจากนี้ ยังมองหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผล และมีผลเชิงบวกต่อกำไรช่วงครึ่งหลังของปีนี้ที่มีแนวโน้มโตดี โดยแนะนำ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (ASK)

ขณะเดียวกัน ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองต่อหุ้นกลุ่มเทรดดิ้งที่คาดว่าจะมีการฟื้นตัวจากผลประกอบการไตรมาส 2/62 ได้แก่ หุ้นกลุ่มเรือเทกอง ที่คาดผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/62 จะฟื้นตัวจากช่วงไตรมาส 1/62 หลัง BDIY Index ในช่วงไตรมาส 2/62 ฟื้นตัวกว่า 24.7% เทียบกับช่วงไตรมาส 1/62 ซึ่งสูงกว่าการปรับขึ้นของต้นทุนราคาน้ำมัน โดย WTI CRUDE FUTURE ช่วงไตรมาส 2/62 เพิ่มขึ้นเพียง 6.5% เทียบกับช่วงไตรมาส 1/62 โดยมองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL)

พร้อมทั้งแนะนำจับตา หุ้นกลุ่มธนาคาร โดยมองว่าเป็นกลุ่มที่ราคาน่าดึงดูด จากปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 1.04x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังช่วง 3 ปีที่ 1.19x อีกทั้งหลังมีการรายงานแบบ ธ.พ.1.1 จึงมองว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อโดดเด่น ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) และ ธนาคารกรุงไทย (KTB)


กำลังโหลดความคิดเห็น