"แอสเสท เวิรด์ฯ "บริษัทอสังหาฯในกลุ่มทีซีซี กรุ๊ป ได้ฤกษ์เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ กระจายหุ้นไม่เกิน 6,957 ล้านหุ้น จัดแพกสินทรัพย์อสังหาฯเกือบแสนล้านบาท ระดับดีเลิศ ทั้งโครงการโรงแรม และดีเทลและคอมเมอร์เชียล ทั้งหมด 90% เป็นแบบฟรีโฮลด์ เพิ่มศักยภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ เผยคุณเจริญ อยากผลักดันให้ธุรกิจครอบครัว เข้าสู่ระบบ ยกระดับความเป็นมาตรฐานมากขึ้น
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ "AWC" เป็นบริษัทโฮลดิ้งภายใต้ ทีซีซี กรุ๊ป (TCC Group) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า วันนี้ (11 มิ.ย.) ทางบริษัทฯได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสํานักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ และผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 6,957,000,000 หุ้น คิดเป็น 22.47% ของทุนที่ชำระแล้ว 24,000 ล้านบาท (ทุนจดทะเบียน 32,000 ล้านบาท) มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
โดยแนวทางการเข้าตลาดหุ้น ทางบริษัทฯ ได้คัดเลือกรวมสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ระดับดีเลิศ ที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง มาจัดรวมอยู่ในบริษัทฯ ซึ่งจะประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ซึ่งมีโรงแรมระดับสากล ที่เปิดให้บริการแล้ว 10 แห่ง อาทิ แมริออท , อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็กชั่น โฮเทล, โอกุระ , บันยันทรี ,ฮิลตัน และเชอราตัน จำนวน 3,432 ห้อง และหากรวมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง 5 แห่ง จะทำให้มีห้องพักเพิ่มเป็น 4,960 ห้องพัก นอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังได้ข้อตกลงในการลงทุน (ซื้อเพิ่ม)อีก 12 แห่ง หากรวมทั้งหมด บริษัทจะมีห้องพักเพิ่มเป็น 8,000 ห้องพัก ซึ่งมีจำนวนห้องพักใหญ่ที่สุด
และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial Building) ซึ่งครอบคลุมโครงการในกลุ่ม 1.อสังหาฯเพื่อประกอบกิจการการค้า และอสังหาฯเพื่อประกอบกิจการค้าส่ง โดยมีโครงการที่มีชื่อเสียงคือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการเกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ และโครงการตะวันนา บางกะปิ และ2.อาคารสำนักงาน (Office) ได้แก่ โครงการเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ และอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ รวมทั้งสองกลุ่มมีพื้นที่ให้บริการ 610,000 ตารางเมตร(ตร.ม.)
"คุณพ่อ(คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี) มีแนวคิดรวมอสังหาฯระดับไพรม์เข้าด้วยกัน ซึ่งวันนี้ เราได้เร่งดำเนินการ โดยคุณพ่อ อยากทำให้ธุรกิจของครอบครัวเข้าสู่ระบบ เป็นมาตรฐานมากขึ้น ไม่อยากให้รุ่นลูกรุ่นหลานไปยึดติดกับธุรกิจครอบครัวมาก และในวันนี้ ฤกษ์ดีที่เรายื่นไฟลิ่ง โดยสินทรัพย์ทั้งหมดที่นำเข้ามา ทุกชิ้นต้องมีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น สินทรัพย์ในการดำเนินธุรกิจ จะเป็นแบบฟรีโฮลด์ 90% ส่วนอีก 10% จะเป็นสินทรัพย์ลีสโฮลด์ (เช่าระยะยาว) ส่วนนี้ไม่ได้นำเข้ามาอยู่ในพอร์ต โดยเป้าหมายหลักของการระดมทุน เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการซื้อกิจการที่เป็นเจ้าของทรัพย์กลุ่มที่ 3 ซึ่งคือ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการ 12 โรงแรม และนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับธนาคารและตั๋วสัญญาใช้เงิน รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการดำเนินธุรกิจ "
โดยตามข้อมูลที่ยื่นไฟลิ่ง ระบุว่า ( ณ 31 มี.ค.62) มีสินทรัพย์ 92,759.1 ล้านบาท รวมรายได้ ( ณ สิ้น ธ.ค.2561) อยู่ที่ 12,415.64 ล้านบาท (ปี 2560 มีรายได้ 9,100 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 489.04 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้หลักจะมาจากกลุ่มโรงแรมในสัดส่วน 60% และอีก 40% มาจากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต
" นโยบาย AWC เราจะเติบโตไปกับโครงการที่เราเติบโต และมีแผนลงทุนโครงการในอนาคต การที่เราเข้าตลาดหุ้น เพื่อเป็นมาตรฐานสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ ซึ่งเรามองว่า พื้นฐานของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง การท่องเที่ยวของเรายังดี นักท่องเที่ยวจีนยังเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งเราสร้างสินทรัพย์ ที่เป็นตัวแทนของประเทศ ใครมอง AWC จะเป็นการมองลงทุนระยะยาว ซึ่งเราจะมีการขยายการลงทุนโครงการมิกซ์ยูส ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย ยังน่าลงทุน เนื่องจากราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน".