xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยBEAUTYดิ่ง – ไม่ใช่ครั้งแรก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เหตุการณ์ที่น่าสนใจสำหรับ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) นอกจากสถานการณ์ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 แล้ว คงต้องย้อนไปถึงช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 เมื่อช่วงเวลานั้นดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้น แต่หุ้นเครื่องสำอาง BEAUTY กลับเดินหน้าสวนตลาดปรับตัวลดลงอย่างน่าใจหายจนต่ำสุดที่ระดับ 6.80 บาท/หุ้น (10ส.ค.2561) โดยน้ำหนักของมูลเหตุช่วงนั้นหลายฝ่ายเชื่อว่า มาจากผลดำเนินงานไตรมาส2/61 ปรับตัวลดลงหนัก **
ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าว**
 
 
“นพ.สุวิน ไกรภูเบศ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ** BEAUTY ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อผลดำเนินงานของบริษัทว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/61 อาจจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ แต่จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังที่เป็นไฮซีซั่น โดยกำไรสุทธิปีนี้คาดจะมากกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 122 พันล้านบาท แม้ผลประกอบการไตรมาส 2 จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังจากได้รับผลกระทบจากประเด็นปัญหาสินค้าไม่มี อย. ส่งผลทางจิตวิทยาจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย แต่โดยรวมตลอดทั้งปีบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 4.29 พันล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 15% จากปีก่อนหน้า

**ขณะเดียวกัน อีกเหตุผลที่มีน้ำหนักต่อการปรับตัวลดลงของราคาหุ้น BEAUTY ในช่วงเวลาดังกล่าว มาจากการซื้อหุ้นคืนของบริษัท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2561 โดยให้บริษัทซื้อหุ้นคืนสูงสุดตามโครงการ 64 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.13% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 950 ล้านบาท **

**เหตุผลที่หลายฝ่ายให้น้ำหนักต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากการออกมาให้ข่าวซื้อหุ้นคืนของผู้บริหาร BEAUTY รอบนี้เกิดปัญหา เพราะไม่ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ให้เรียบร้อยก่อน จนถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งขึ้นเครื่องหมาย "H" แถมถูก ก.ล.ต.ตรวจสอบความผิดการใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นหรืออินไซเดอร์เทรดดิ้งหุ้นตัวนี้**

โดยข้อมูลการซื้อหุ้นคืนที่รั่วไหลของ BEAUTY ครั้งนี้ ผู้บริหารอ้างว่า เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค โดยฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัท ฯ กับบริษัทประชาสัมพันธ์ภายนอก จนเกิดปัญหาด้านการประสานงาน และทำให้ข้อมูลถูกเผยแพร่ผ่านสื่อก่อนที่จะแจ้งข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ

**อีกทั้งมีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าทำไมการซื้อหุ้น BEAUTY คืนครั้งนี้ไม่เป็นการซื้อหุ้นคืนในนามตัวเองของ “นพ.สุวิน” ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยในเรื่องนี้เจ้าตัวชี้แจงว่าส่วนตัวไม่มีนโยบายซื้อหุ้นคืน อีกทั้งหากซื้อหุ้นคืนจะมีคนมาต่อว่าเข้ามาซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาถูก ถือเป็นการเอาเปรียบรายย่อย จากที่เคยขายหุ้นออกไป จึงขอยืนยันว่า จะรักษาสัดส่วนที่มีอยู่ตอนนี้ไม่หนีไปไหน**

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการซื้อหุ้นคืนในนามบริษัท กับในนามผู้ถือหุ้นใหญ่ กลายเป็นเรื่องที่นักลงทุนหลายรายไม่มองข้ามผ่าน เนื่องจากจากก่อนหน้านี้ “นพ.สุวิน” ออกมายืนยันบ่อยครั้งว่าไม่มีนโยบายซื้อหุ้น BEAUTY กลับมาสู่พอร์ต แต่จากนั้นกลับมีมติบริษัทประกาศออกมาไล่ซื้อหุ้น จนหลายฝ่ายตั้งคำถามว่ากรณีแบบนี้เรียกว่า** “พลิกลิ้น” ** ได้หรือไม่ และเรื่องดังกล่าวฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อหุ้น BEAUTY ลงไปมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น