"วี พร็อพเพอร์ตี้" จ่อรีแบรนด์สร้างชัดเจนในทางธุรกิจ มั่นใจกลุ่มลูกค้าระดับบน แรงซื้อไม่ตก ไม่ถูกกระทบจากLTV แย้มสูตรสร้างการเติบโต ผ่านการร่วมทุนกันพันธมิตรต่างชาติ เตรียมนำห้องหลุดดาวน์โครงการ“VTARA สุขุมวิท 36” ทำการตลาดใหม่อีกรอบ
นายธีร ชุติวรากรณ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนที่เป็นกลุ่มลักชัวรี ซูเปอร์ลักชัวรี และอัลตร้าลักชัวรี ว่า กำลังซื้อยังดีอยู่และมีความต้องการซื้อสินค้า เป็นตลาดที่ไม่ได้ถูกผลกระทบมากนักจากมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ( LTV ) ซึ่งการพัฒนาโครงการรูปแบบดังกล่าว ต้องมองถึงกำลังซื้อ (เรียลดีมานด์)ให้ชัดเจนและใส่ใจในรายละเอียด และด้วยแนวทางธุรกิจของบริษัท ที่เน้นตลาดระดับบน ทำให้ต้องมุ่งพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าดังกล่าว โดยในปีนี้ จะมีการปรับแผนธุรกิจ ด้วยการรีแบรนด์เพื่อสร้างความจดจำสินค้า และหันมาพัฒนาโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรีมากขึ้น ซึ่งต้องเป็นทำเลที่เป็นไพร์มแอเรีย ใกล้แนวรถไฟฟ้า พร้อมกับนโยบายที่ชัดเจนต่อการลงทุนเปิดโครงการในแผนระยะสั้นและกลาง จากในอดีตที่จะเปิดตัว 2 ปีต่อ 1 โครงการ ซึ่งจะรุกการพัฒนาคอนโดมิเนียมให้ได้ 2-3 โครงการต่อปี
สำหรับในปีนี้ คาดว่าจะมีการเปิดตัวใหม่ 2-3 โครงการ เป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ โซนรัชดา ,พระราม9 รวมมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1 ได้เปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ คือ “เวอร์เทีย สุขุมวิท” มูลค่า 1,800 ล้านบาท ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือคาดว่าในจำนวนดังกล่าวจะมีการร่วมทุนกับพันธมิตรชาวต่างชาติด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับญี่ปุ่น มาเลเซีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปลายปี 62 ซึ่งในช่วงแรกคงจะเป็นการร่วมทุนโครงการเดียวก่อน ด้วยการก่อตั้งบริษัทร่วมทุน และพัฒนาภายใต้แบรนด์ใหม่ หากการร่วมทุนโครงการแรกประสบความสำเร็จ ก็จะพัฒนาโครงการร่วมทุนต่อเนื่อง ซึ่งการหาพันธมิตรมาร่วมทุนในครั้งนี้ จะช่วยความแกร่งและลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการด้วย ขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยวในเมือง บริษัทฯก็ยังให้ความสนใจ แต่การแข่งขันก็สูงเช่นกัน หากจะพัฒนาจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ
สำหรับความคืบหน้าโครงการ “VTARA สุขุมวิท 36” หลังจากที่เปิดขายได้ 10 เดือน ปรากฏว่ามียอดขายกว่า 95% ปัจจุบันโครงการฯได้ก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ 100 % พร้อมเข้าอยู่อาศัย ขณะนี้ลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เข้าอยู่แล้ว 90% พร้อมกับจะนำห้องชุดหลุดดาวน์ นำกลับมาขายใหม่(รีเซลส์)จำนวน 20 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นเพียง 130,000 บาทต่อตร.ม.มูลค่ารวม 200 ล้านบาท โดยห้องชุดมีตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 28-46 ตร.ม. และห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 50-78 ตร.ม. เสนอขายแบบ Fully Furnished ซึ่งเป็นการขายที่ถูกกว่าในราคาปัจจุบันซึ่งปรับขึ้นไปอยู่ที่ 150,000 บาทต่อตร.ม.
“ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯได้จ้างโบรกเกอร์จีน ในการนำห้องชุดไปจำหน่ายยังประเทศจีน แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและนโยบายการเข้มงวดของรัฐบาลจีนในการนำเงินออกนอกประเทศ ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจทิ้งเงินจอง คิดเป็นสัดส่วน 5% จึงต้องนำคอนโดฯดังกล่าวกลับมารีเซลส์ใหม่ โดยในวันที่ 25-26 พ.ค.นี้ บริษัทฯได้จัดงาน OPEN HOUSE กับคอนโดฯพร้อมอยู่ 1 ห้องนอน เฟอร์นิเจอร์ครบ ราคาเดียว* 3.89 ล้านบาท ลงทุนรับเงินคืนสูงสุด 20%* 1 ปี”นายธีร กล่าว
โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดฯ Low Rise สูง 8 ชั้น 5 อาคารจำนวน 466 ยูนิต ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งเชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ดังนั้นสำหรับคนที่ใช้รถยนต์เดินทางเป็นหลัก สามารถเดินทางเข้า-ออกโครงการได้โดยใช้ซอยสุขุมวิท 36 และใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อประมาณ 700 เมตร ทั้งนี้โครงการฯมีบริการรถรับ-ส่งจากโครงการไปยัง BTS สถานีทองหล่อโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตามในปี2562 นี้บริษัทฯคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 2,700 ล้านบาท และในปี 2563 จะรับรู้รายได้ 3,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%.