บิวตี้ คอมมูนิตี้ ไตรมาส 2 ปีนี้กำไร 69 ล้านบาทลดลง 75.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 282 ล้านบาท หลังปัจจัยกดดันใน - นอกประเทศกระหน่ำ ส่งผลให้ยอดขายตก คาด Q2 ฟื้น วางเป้ายาว ปี 65 รายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท
นายสุรพล เพชรกลึง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท ลดลง 75.3% จากช่วงเดียวกันที่มีกำไรสุทธิ 282 ล้านบาท และรายได้รวม 548.7 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 904.9 ล้านบาท ลดลง 39.4%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยกดดันทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจัยภายในประเทศ ทั้ง ผลกระทบต่อเนื่องในเรื่องของ อย. จากการปราบปรามผลิตภัณฑ์สินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอางผิดกฎหมายของบริษัทอื่น เมื่อปี 2561 ที่ทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยเครื่องสำอางมากขึ้น แต่สินค้าของบริษัทมีการตรวจสอบและมี อย. อย่างถูกต้อง, ผลกระทบในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ดีขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะจากประเทศจีนต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมองว่าครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน , การแข่งขันด้านการตลาดและโปรโมชั่นที่รุนแรง
ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศ ที่มาจากกระแสข่าวเรื่องของ อย.ข้างต้น ยังส่งผลทำให้สินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศจีนได้รับผลกระทบจากที่ด่านชายแดนจีนมีการตรวจสอบสินค้าเครื่องสำอางจากไทยเข้มงวดเพิ่มขึ้น ทำให้ระยะเวลาการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมานัยสำคัญ , ผลกระทบจากการออกกฏหมายใหม่ของตลาดจีน เช่น เก็บภาษีสินค้าออนไลน์เริ่มต้นเมื่อช่วงต้นปี2562 ทำให้ลูกค้าWholesaler ชะลอการสั่งซื้อสินค้ารวมถึง กฎหมายในเรื่องของ CFDA, Trademark เป็นต้น รวมทั้งผลกระทบในเรื่องค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า และผลกระทบจากสงครามการค้า
ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ กรรมการ BEAUTY เผยว่า มั่นใจว่ายอดขายจากจีนในปีนี้จะทำได้มากกว่าระดับ 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้าในจีนนั้น ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เข้าถึงช่องทางการขายบนห้างสรรพสินค้าเจ้าใหญ่และกลาง ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากได้เจาะตลาดในประเทศใหม่ๆ ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจะจำหน่ายสินค้าทั้งหมด 18 ประเทศ จากปีก่อนที่จำหน่ายเพียง 9 ประเทศ พร้อมด้วยตัวแทนจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพในการขายสูงเพิ่มเป็นกว่า 20 ราย จากปีก่อนที่มี 15 ราย ดังนั้น เชื่อว่ายอดขายจากต่างประเทศในปีนี้จะเติบโตได้ 100% จากปีก่อน
ส่วนการขยายธุรกิจในไทย ปีนี้เตรียมขยายสาขาเพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบรนด์ของตนเอง รวมถึงการนำไปจำหน่ายในไฮเปอร์มาร์เก็ต และโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ เชื่อว่ากำลังซื้อในปีนี้จะกลับมาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ยังมั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 4,200 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25% โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% พร้อมทั้งยังตั้งเป้าหมายระยะยาว 3 ปี (63-65) รายได้จะแตะระดับ 10,000 ล้านบาท