xs
xsm
sm
md
lg

มาตรการอสังหาฯฟื้นกำลังซื้อ คาดยอดขายคอนโดฯกทม.เติบโตเพิ่ม 20-30%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์
"เน็กซัสฯ" คาดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ดันยอดขายคอนโดฯในกรุงเทพฯเติบโตอีก 20-30% หนุนตลาดคอนโดฯมือสองให้คึกคัก ด้านบิ๊กบอส"ออริจิ้นฯ" มั่นใจผลของมาตรการช่วยผลักดันเศรษฐกิจเติบโต เผยไตรมาสแรกกวาดยอดขายคอนโดฯไปแล้ว 5,600 ล้านบาท

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่า หากรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะส่งผลดีต่อตลาดรวมที่อยู่อาศัย ซึ่งเราอยากให้มีมาตรการออกมา และคาดว่ายอดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในกรุงเทพฯจะเพิ่มขึ้นอีก 20-30% จากเดิมจะเกิดยอดขายทั้งปีที่ 50,000 หน่วย เพิ่มเป็นอย่างน้อย 60,000 หน่วย ขณะที่อุปทานใหม่ปีนี้ น่าจะเกิดขึ้น 50,000 หน่วย จากอุปทานรวมที่มีอยู่ประมาณ 600,000 หน่วย ในจำนวนนี้มียอดการขายไปแล้ว 90% ทำให้คาดว่าจะเหลือคอนโดฯในพื้นที่กรุงเทพฯ 50,000-60,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.2 แสนล้านบาท

“ ตลาดไตรมาสแรกและสองคงจะยังชะลอตัว ซึ่งในไตรมาสนี้ เราจะไม่เห็นการปรับขึ้นของอุปทานใหม่หรือราคาขายที่เพิ่มขึ้น แต่มีการประเมินว่าไตรมาส 3 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ได้ซื้อที่ดินไว้ก่อนหน้านี้ จะออกโครงการใหม่ มีผลต่อการปรับราคาขึ้นบ้าง โดยราคาขายคอนโดฯทั้งปีจะปรับขึ้นได้ประมาณ 5% ”

คอนโดฯไตรมาส1เปิดใหม่ลดลง20%

สำหรับตลาดคอนโดฯในกรุงเทพฯช่วงไตรมาสที่ 1 มีอุปทานคอนโดฯเกิดใหม่ในตลาดทั้งสิ้น 11,300 หน่วย จาก 30 โครงการ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 20% โดยทำเลที่มีการเปิดตัวของคอนโดฯมากที่สุด ยังคงเป็นพระโขนง สวนหลวง แบริ่ง (2,400 หน่วย, 21%) รองลงมาเป็น พญาไท รัชดาภิเษก (1,938 หน่วย, 17%) และ ลาดพร้าว วังทองหลาง (1,580 หน่วย, 14%)

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดหลายประการ เช่น คอนโดฯที่เกิดใหม่ไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯกลุ่มซิตี้คอนโด ที่มีราคาต่อตารางเมตร(ตร.ม.)ไม่เกิน 75,000 บาท และ ตลาดกลาง หรือ mid market ที่มีราคาต่อตร.ม.ไม่เกิน 100,000 บาทรวมกันมากถึง 75% ของจำนวนหน่วยที่เปิดใหม่ทั้งหมด (ประมาณ 8,500 หน่วย) จะเห็นได้ว่า ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวในการพัฒนาสินค้า เพื่อตอบรับกับตลาดที่มีความต้องการแท้จริงมากขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการเอง ความเชื่อมั่นในตลาดสำหรับผู้ประกอบการใหม่ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยบางรายเป็นผู้ประกอบการรายเล็กที่เข้ามาเริ่มทำโครงการเป็นครั้งแรก เห็นได้จากสัดส่วนของผู้ประกอบการใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มีถึง 47% ซึ่งโดยปรกติแล้วจะอยู่ในสัดส่วนประมาณ 30% เท่านั้น

และจากภาพรวมอุปทานที่เปิดใหม่ในตลาดในช่วงไตรมาสที่ 1 มีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของสินค้าที่เน้นตลาดกลางมากขึ้น ราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในกรุงเทพในตลาดอยู่ในอัตราที่ปรับตัวลงเล็กน้อยประมาณ 1% อยู่ที่ 139,400 บาทต่อตร.ม. เมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 140,600 บาทต่อตร.ม.

“ คาดการณ์สถานการณ์อุปทานใหม่ในช่วงปี62 เทรนด์ยังคงเป็นตลาดกลุ่มซิตี้คอนโดและตลาดกลางมากขึ้น แต่ยังคงเห็นคอนโดมิเนียมในตลาดไฮเอนด์และลักชัวรี ที่น่าสนใจเกิดขึ้นอีกหลายโครการ เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ได้ซื้อที่ดินไปแล้วตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วและเริ่มพัฒนาโครงการออกมา”

หนุนออกมาตรการภาษีกระตุ้นคอนโดฯมือสอง

หากจะกล่าวถึงการปรับตัวของตลาดอสังหาฯ หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่า การปรับตัวของราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดมากกว่าในแต่ละช่วงเวลา จะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะกระตุ้นธุรกิจ หรือลดความร้อนแรงของธุรกิจมากกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากการเลือกตั้ง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันต่างชาติน่าจะมีมากขึ้น น่าจะเห็นการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ผลจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่จะทำให้มีการกำหนดราคาประเมินคอนโดฯใหม่ในปี63 จะทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้นในแง่ของคอนโดฯมือสอง

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า กล่าวว่า ในไตรมาสแรก บริษัทสามารถสร้างยอดขายจาก 2 โครงการใหม่ที่เปิดตัว ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท - เทพารักษ์ มูลค่า 1,350 ล้านบาท กวาดยอดขายไป 50% ของที่เปิดขาย และ โครงการ บริทาเนีย วงแหวน - หทัยราษฎร์ มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท กวาดยอดขายไปกว่า 85% ของที่เปิดขาย ซึ่งทำให้ยอดขายโดยรวมสามารถทำได้กว่า 5,600 ล้านบาท เติบโตจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปี61 นอกจากนี้ บริษัทได้ปร้ับเป้าเปิดขายโครงการแนวราบ หลังจากโครงการแบรนด์ บริทาเนีย ได้รับการตอบรับที่ดี โดยวางเป้าเพิ่มจาก 6,000 ล้านบาท เป็น 8,000 ล้านบาท

ภาครัฐเองยังมีแนวโน้มจะออกมาตรการใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ระหว่างช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งรวมถึงนโยบายกระตุ้นการซื้อที่อยู่อาศัยด้วย หากมีมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมาในเร็วๆ นี้ ก็จะเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคและยิ่งกระตุ้นให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโต” นายพีระพงศ์ กล่าว

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า มาตรการที่จะออกมา จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯในช่วงที่มีมาตรการนั้น จะเพิ่มขึ้นแบบชัดเจน โดยคิดเป็นเกือบ 10% ของ GDP ของประเทศไทย.
กำลังโหลดความคิดเห็น