ไทยพาณิชย์รับลงทุนไอทียังกระทบผลการดำเนินงาน-เร่งเพิ่มรายได้-ลดสาขา

ไทยพาณิชย์รับภาระจาก Tranformation ยังกระทบผลการดำเนินงานปีนี้ แต่มั่นใจจะขยับตัวดีขึ้น หลังแผนการลงทุนเสร็จสิ้น พร้อมเดิมหน้าปิดสาขาตั้งเป้าปีนี้ 200 สาขา หวังลดต้นทุนได้ 2 พันล้าน รับเซ็นเอ็มโอยูในแผนความร่วมมือธุรกิจประกันชีวิต กับเอฟดับบลิวดี
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)เปิดเผยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2562 ว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในปีนี้จะยังคงได้รับผลกระทบจากการลงทุนเพื่อเปลี่ยนแปลง หรือ Tranformation ที่ตั้งงบไว้ถึง 40,000 ล้านบาท โดยปีนี้เป็นสุดท้ายของแผนการลงทุนดังกล่าว(ปี 2559-2562) จึงอาจจะทำให้ผลประกอบการทรงตัวหรือลดลงอยู่ อย่างไรก็ตาม หลังจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีจบลง ธนาคารจะเริ่มรับรู้รายได้จากผลของการลงทุน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของโครงการลงทุนดังกล่าวที่จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับธนาคาร
สำหรับในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายหันมาเพิ่มรายได้ให้สมดุลกับต้นทุนของธนาคารให้มากขึ้น โดยในช่วงครึ่งหลังของปีเตรียมปล่อยสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลบนโมบายผ่านแอพพลิเคชั่น SCB EASY ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ของธนาคาร รวมทั้ง ตั้งเป้าหมายปิดสาขาปีนี้มากกว่า 200 สาขา จากปี 2561 ที่มีการปิดสาขาไปทั้งสิ้น 130 สาขา ซึ่งการปรับลดจำนวนของสาขาธนาคารในพื้นที่ไม่จำเป็นจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับธนาคารเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ10 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินจากการลดสาขาในช่วงปี 2561 ได้ถึง 1,300 ล้านบาท และคาดว่าจะลดต้นทุนอีกปี 2562 อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะที่พนักงานของธนาคารนั้นในปีที่ผ่านมาได้โยกย้ายพนักงานไปประมาณ 1,000 ราย และคาดว่าจะโยกย้ายพนักงานได้ประมาณ 2,000-3,000 รายในปีนี้
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้คาดว่าจะทรงตัวจากช่วงปีที่ผ่านมา ที่อยู่ในระดับ 2.85% ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารคู่แข่ง แต่ก็ยังสูงเมื่อเทียบกับหนี้เสียในอดีตของธนาคาร ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี และกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ส่วนกรณีที่ธนาคารได้ทำบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) เกี่ยวกับแผนความร่วมมือในธุรกิจประกันชีวิตกับบริษัท FWD Group Financial Services Pte. Ltd. (เอฟดับบลิวดี) นั้น นายอาทิตย์กล่าวด้วยว่า ธนาคารได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นไปบ้างแล้ว เป็นการตกลงโดยยังไม่มีข้อผูกพัน หลังจากนี้จะทำงานกับทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด เมื่อมีข้อสรุปชัดเจนจะแจ้งให้กับผู้ถือหุ้นรับทราบต่อไป
ด้านนายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการและกรรมการอิสระ ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระในปีนี้ กล่าวว่า ผลกำไรหรือขาดทุนของธนาคารขึ้นกับหลายๆปัจจัย ทั้งในประเทศ และยิ่งนอกประเทศเป็นปัจจัยหนึ่งที่ควบคุมได้ยาก โดยในช่วง 40-50ปีก่อนก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกปี ในอีก 5 ปีข้างหน้าก็เช่นกัน การพ้นจากตำแหน่งตามวาระในครั้งนี้หลังจากดำรงดำแหน่งมา 33 ปี 6 เดือน ถือว่ามีความมั่นใจและภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างยั่งยืนของธนาคารเสมอมา รวมถึงภายใต้กรรมการชุดใหม่ นายกกรรมการคนและการบริการแนวใหม่ด้วย