xs
xsm
sm
md
lg

ขาลง BEAUTY-DDD / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หุ้นกลุ่มเครื่องสำอาง อยู่ในช่วงขาลงเต็มตัวตั้งแต่ปีก่อนแล้ว และปีนี้มีแนวโน้มที่จะทรุดตัวต่อ ตามผลประกอบการที่ชะลอตัว ทำให้นักลงทุนต้อง "ติดดอย" กันนับหมื่นคน

บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY และบริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เป็นเพียง 2 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นหุ้นที่อยู่ในความนิยมของนักลงทุนมาหลายปี ราคาหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นมาตลอด

เพราะถูกประเมินว่า แนวโน้มการเติบโตสดใส

แต่หลังจากมีปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยลดลง ยอดการขายเครื่องสำอางทั้งระบบลดลง ทำให้รายได้ BEAUTY และ DDD หดตัว ส่งผลให้กำไรสุทธิชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนทยอยขายหุ้นทิ้ง

ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ราคา BEAUTY เคยขึ้นสูงสุดที่ 23.70 บาท และต่ำสุดที่ 6.25 บาท ส่วนราคาปิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 6.75 บาท/หุ้น

ส่วน DDD เคยขึ้นสูงสุดที่ 106 บาท ต่ำสุดที่ 15.10 บาท และล่าสุดราคาปิดที่ 24.90 บาท/หุ้น

ราคาหุ้นกลุ่มความงามทั้งสองตัว รอบนี้ทรุดหนักพอๆ กัน รายได้ชะลอตัวในอัตราใกล้เคียงกัน เพียงแต่ปัจจัยพื้นฐานของ BEAUTY แข็งแกร่งกว่า และเป็นหุ้นยอดนิยมของนักเก็งกำไรมากกว่า โดยเทียบจากจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย

จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย BEAUTY มีทั้งสิ้น 19,803 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 64.56% ของทุนจดทะเบียน โดยกลุ่มไกรภูเบศ ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 21% ของทุนจดทะเบียน

ปี 2561 BEAUTY มีรายได้รวม 3,501.24 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 ที่มีรายได้ 3,735.37 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 991.59 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 1,229.32 ล้านบาท และมีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 16 เท่า ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ในระดับ 6% ซึ่งถือว่าสูง

ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย DDD มีจำนวนทั้งสิ้น 2,497 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 34.52% ของทุนจดทะเบียน โดยกลุ่มพรพัฒนารักษ์ ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 64% ของทุนจดทะเบียน

ปี 2561 DDD มีรายได้รวม 1,303.98 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 ที่มีรายได้รวม 1,684.38 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 181.41 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 351.06 ล้านบาท มีค่าพี/อี เรโช อยู่ที่ประมาณ 43 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับ 1%

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ DDD ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดย "กลุ่มพรพัฒนารักษ์" ยังกอดหุ้นแน่นนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 แตกต่างจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ BEAUTY ที่เปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะ "กลุ่มไกรภูเบศ" ทยอยขายหุ้นออก โดยเฉพาะในปี 2561 ซึ่งขายหุ้นกอบโกยกำไรไปนับพันๆ ล้านบาท จนสัดส่วนการถือหุ้นลดฮวบ

ถ้าพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของ BEAUTY ในขณะนี้ ถือว่าน่าสนใจ เพราะค่าพี/อี เรโชเพียง 16 เท่า ส่วนยิลด์หรืออัตราเงินปันผลตอบแทนระดับ 6% แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์สำนักต่างๆ ประเมินคือ แนวโน้มผลประกอบการหุ้นกลุ่มความงามจะชะลอตัว ยอดรายได้หด กำไรลด ส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานในอนาคตอ่อนแอลง

จนต้องปรับมุมมอง BEAUTY และ DDD ใหม่ ไม่แนะนำให้ช้อนเก็บเหมือนอดีต รวมทั้งปรับลดราคาเป้าหมายลง

หุ้นกลุ่มความงาม กำลังอยู่ในช่วงโรยรา และยังไม่พ้นจากช่วงขาลง ซึ่งอาจต้องมองข้ามผ่านหุ้นกลุ่มนี้ไปชั่วคราว รอจนกว่าการปรับฐานจะสะเด็ดน้ำ รอให้ผลประกอบการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเสียก่อน

ลุย BEAUTY หรือ DDD ในช่วงนี้ โอกาสทำกำไรมีความเป็นไปได้น้อยมาก จะเข้าไปเสี่ยงทำไม



กำลังโหลดความคิดเห็น