xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” มอบนโยบายสภาพัฒน์ ชี้นำหน่วยงานต่างๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รองนายกรัฐมนตรีมอบนโยบาย สศช. ชี้นำหน่วยงานต่างๆ ไม่เป็นกระโถน ครม.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมราชการและมอบนโยบายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.พ.) ได้ดูข่าวเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินทางช่องบลูมเบิร์ก เทเลวิชัน ซึ่งสถานีช่องนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยบลูมเบิร์ก รายงานข่าวว่า ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น แสดงว่า เศรษฐกิจไทยดีขึ้น และเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะมีอุปสรรคต่อการส่งออก เมื่อเห็นการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศแล้ว ใครจะพูดว่า เศรษฐกิจไทยไม่ดี ไม่ต้องไปฟัง โดยคาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 3

นายสมคิด กล่าวให้นโยบายว่า สศช. จะต้องเป็นผู้ชี้นำว่า กระทรวงไหนควรจะทำอย่างไร สศช. ต้องนำประเทศ และหากจะให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไร สามารถแจ้งมาได้เลยทันที ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า สศช. ต้องชี้นำคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ไม่ใช่ทำตัวเป็นกระโถน ครม.

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช. กล่าวในที่ประชุมว่า ปี 2562 สศช. ตั้งเป้าหมายจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 4 ขึ้นไป โดยจะต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร และสร้าง 5 อุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต ประกอบด้วย อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบินและลอจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร

นอกจากนี้ มีแผนที่จะใช้ศักยภาพของพื้นที่ และโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภค เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เช่น การพัฒนาและฟื้นฟูเมืองเก่าในจังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน และลำปาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เเละเชื่อมโยงเชียงใหม่, เชียงราย, เชียงแสน, เชียงของ, เชียงรุ้ง และเชียงตุง เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เช่น เลย, หนองบัวลำภู, หนองคาย, อุดรธานี, บึงกาฬ, สกลนคร, นครพนม และมุกดาหาร เป็นศูนย์กลางผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าย้อมคราม และการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูง รวมทั้งการพัฒนาจังหวัดระนอง เป็นประตูการค้าด้านตะว้นตก เชื่อมโยงการท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน โดยจะมีโครงการรถไฟรางคู่จากชุมพรไปยังระนอง


กำลังโหลดความคิดเห็น