xs
xsm
sm
md
lg

คดีหุ้น “คับอก” ก.ล.ต. / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หลายปีแล้วที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินมาตรการทางแพ่ง ลงโทษผู้ที่กระทำความผิดในคดีสร้างราคาหุ้น เพราะมีบทเรียนซ้ำซากจากการกล่าวโทษดำเนินคดีอาญา ซึ่งแก๊งปั่นหุ้นมักจะหลุดรอดจากการถูกลงโทษ

การปั่นหุ้นเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุก แต่แทบไม่มีข่าวว่า นักปั่นหุ้นรายใดถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก ทั้งที่ ก.ล.ต. ร้องทุกข์กล่าวโทษหลายสิบคดี โดยเฉพาะยุคนายระพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต.คนปัจจุบัน กล่าวโทษนับสิบๆ คดี

แต่แทบทุกคดี ถูกตัดตอนในชั้นสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยสั่งฟ้อง ทำให้คดีดิ้นหลุด โดยแก๊งปั่นหุ้นนับร้อยคนลอยนวล

กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เคยออกมาแถลงว่า คดีปั่นหุ้นคดีใดบ้างที่สั่งไม่ฟ้อง ไม่เคยแถลงถึงขั้นตอนการสอบสวน และไม่เคยแถลงถึงเหตุผลในการใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้อง

ทั้งที่คดีปั่นหุ้นอยู่ในความสนใจของประชาชน เป็นความผิดร้ายแรง เพราะสร้างความเสียหายให้ผู้ลงทุนในวงกว้าง และผู้กระทำความผิด อยู่ในข่ายอาชญากรเศรษฐกิจ ซึ่งพฤติกรรมที่ก่ออาจทำให้ตลาดหุ้นพังครืน หรือระบบเศรษฐกิจเกิดความปั่นป่วนได้

การปั่นหุ้นแต่ละคดี มีผลประโยชน์ได้เสียนับพันล้านบาท ดูได้จากจำนวน ก.ล.ต. สั่งปรับแก๊งปัญหาหุ้นในกรณี เช่น คดีปั่นหุ้น บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท พร้อมพวกรวม 40 คนที่ร่วมปั่นหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,727.38 ล้านบาท

หรือคดีแก๊งปั่นหุ้น 25 คน ที่ร่วมขบวนการปั่นหุ้น 6 บริษัท ซึ่งเกือบทั้งหมดมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่ม บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG โดย ก.ล.ต. สั่งปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 890 ล้านบาท

การที่คดีหุ้นถูกตัดตอนก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล ทำให้เกิดคำถามว่า ความผิดพลาดในการดำเนินคดีอยู่ในขั้นตอนไหน ระหว่าง ก.ล.ต. กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ

เป็นไปได้หรือไม่ว่า ก.ล.ต.กล่าวโทษ โดยไม่มีหลักฐานหนักแน่นเพียงพอ จนกรมสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่า การกล่าวโทษมีช่องโหว่ สำนวนอ่อน ขาดหลักฐานมัดผู้กระทำความผิด จึงสั่งไม่ฟ้อง

และเป็นไปได้หรือไม่ว่า ก.ล.ต.ได้ทำสำนวนอย่างรัดกุม มีหลักฐานเพียงพอแล้วที่จะดำเนินคดีกับนักปั่นหุ้น แต่ เนื่องจากคดีปั่นหุ้น มีผลประโยชน์มหาศาล นักปั่นได้เงินมาเหลือเฟือ และพร้อมทุ่มเทเพื่อตัดตอนคดี

ถ้ามีรัฐบาลที่ตระหนักถึงความเสียหายของนักลงทุน และต้องการปราบปรามการปั่นหุ้น เพื่อทำให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ใสสะอาด คงจะมีการจับ ก.ล.ต.กับกรมสอบสวนคดีพิเศษมาร่วมถกถึงการตัดตอนคดีปั่นหุ้นกันแล้ว

เพราะในรอบนับสิบปี แทบไม่มีคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลเลย แม้ ก.ล.ต.กล่าวโทษไปหลายสิบคดีก็ตาม

แต่ทุกคดีที่กล่าวโทษ เมื่อหลุดจากมือ ก.ล.ต. ไปแล้ว คดีเงียบหาย กรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง ก็ไม่เคยแถลงให้ประชาชนรับทราบ และคดีที่ถูกส่งไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ไม่เคยมีใครไปตาม ไม่มีรัฐมนตรีคลัง รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือแม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใด เคยไปสอบถาม หรือตรวจสอบการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

แม้คดีปั่นหุ้นหลายสิบคดีจะถูก "เป่า" ก็ตาม

คดีปั่นหุ้น กลายเป็นปัญหา "คับอก" ของ ก.ล.ต.มาตลอดนับสิบปี เพราะไม่รู้จะระบายให้ใครฟัง นอกจะเก็บกดความคับข้องใจเอาไว้ และหาทางออกด้วยตัวเอง

ทางออกของ ก.ล.ต. คือ การไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับแก๊งปั่นหุ้น แต่เลือกที่จะดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยสั่งปรับ ผิดมาก สร้างความเสียหายมาก ก็สั่งปรับเป็นเงินจำนวนมาก ผิดน้อย สร้างความเสียหายน้อยก็ปรับน้อย

ทั้งที่รู้ว่ามาตรการทางแพ่ง ไม่อาจหยุดยั้งการปั่นหุ้นได้ เพราะแก๊งปั่นหุ้นไม่กลัวเกรง เนื่องจากหากถูกจับได้ บทลงโทษหนักสุดคือการปรับ ไม่ต้องติดคุกติดตะราง ทำไมอาชญากรตลาดหุ้นจึงต้องกลัว

แต่ ก.ล.ต.ไม่อาจดำเนินมาตรการลงโทษรุนแรง เพื่อให้แก๊งปั่นหุ้นเกิดความเข็ดหลาบได้ เพราะถ้าดำเนินคดีอาญา ร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็จะกลับเข้าสู่อีหรอบเดิม โดยต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคดีถูก "ตัดตอน" ซ้ำรอยอีก

ถ้าไม่มีการปฏิรูปกระบวนการสอบสวน หรือกระบวนการยุติธรรม ในการดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการปั่นหุ้นหรือความผิดอื่นในตลาดหลักทรัพย์ ชาตินี้อาจไม่ได้เห็น ก.ล.ต. ร้องทุกข์กล่าวโทษทางอาญาแก๊งปั่นหุ้นอีก

เพราะ ก.ล.ต.เข็ดแล้ว เข็ดกับการโยนหมูเข้าปากเสือ เข็ดเพราะคดีปั่นหุ้นที่หลุดจากมือ ก.ล.ต. มักถูกตัดตอนอย่างเงียบๆ จากหน่วยงานอื่น

ก.ล.ต.ต้องรวบรวมพยานหลักฐานหลายปี กว่าจะกล่าวโทษการปั่นหุ้นได้แต่ละคดี แต่เพียงดุลพินิจของหน่วยงานอื่น สามารถทำให้ขบวนการปั่นหุ้นลอยนวลได้ยกแก๊ง

และไม่ใช่แก๊งเดียวเสียด้วย แต่มีการตัดตอนแก๊งปั่นหุ้นแล้วนับสิบๆ แก๊ง ก.ล.ต.จะไม่ “คับอก” กับคดีปั่นหุ้นได้อย่างไร



กำลังโหลดความคิดเห็น