สมาคมธนาคารไทยเตรียมตั้งโต๊ะแถลงรับมือภัยไซเบอร์ 24 ม.ค. เพื่อให้รู้เท่าทันกลโกง และตั้งรับ หลังระยะนี้พบประชาชนตกเป็นเหยื่อหลายรูปแบบ
นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักงานระบบชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ ทางศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (ทีบี-เซิร์ท) ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับภาคธนาคาร ได้เตรียมชี้แจงรายละเอียด และพูดคุยถึงแนวทางวิธีป้องกันปัญหาดังกล่าว ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ หรือให้รู้เท่าทันกลโกง และมีวิธีรับมือภัยจากโลกไซเบอร์ต่างๆ หลังจากช่วงที่ผ่านมา ได้มีประชาชนหลายรายเจอมิจฉาชีพใช้กลวิธีหลากหลายรูปแบบ เพื่อโจรกรรมข้อมูล และนำตัวเงินออกไป เช่น หลอกขอเลขบัญชีนำไปผูกกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-วอลเลต การหลอกให้ใส่รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนตัวในอีเมลปลอม แม้แต่การแก้ไขข้อมูลบนหน้าเช็ค และนำไปขึ้นเงิน เป็นต้น
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพใช้สารพัดวิธีในโลกไซเบอร์ ทำให้ผู้ใช้บริการต้องระมัดระวังถึงที่สุด และอย่าหลงเชื่อ เพราะปัจจุบัน โลกอินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่าย จึงต้องตรวจสอบข้อมูลที่จะใช้บริการให้ดี โดยที่ผ่านมา ภาคธนาคารได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์มาโดยตลอด ซึ่งได้ช่วยประชาสัมพันธ์ และติดประกาศชี้แจงลูกค้าให้รับทราบแล้ว และที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานหาคนร้ายมาโดยตลอด ซึ่งพยายามดูแลลูกค้าให้ได้มากที่สุด
สำหรับกรณีที่มีผู้เสียหายจากการถูกแก้ไขบนหน้าเช็ค และนำไปขึ้นเงินนั้น ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบันยังมีผู้ที่ใช้เช็คอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะมีความคุ้นเคยมากกว่าที่จะเปลี่ยนมาใช้โมบายแบงกิ้งในการชำระเงิน หรือโอนเงิน ซึ่งในระยะข้างหน้ามีผู้ใช้เช็คน้อยลง หรือไม่มีผู้ใช้เช็คเลย ก็อาจมีแนวทางยกเลิกการใช้เช็คนี้ได้ เพราะทุกคนใช้โมบายแบงกิ้ง เพื่อความสะดวก ประหยัดด้านต้นทุน ไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากลดใช้กระดาษ ขณะนี้มีบางประเทศได้ยกเลิกใช้เช็คบ้างแล้ว แต่สำหรับในไทย จะต้องให้เวลาในการเรียนรู้สักพัก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้พนักงานธนาคารต้องระมัดระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความเสียหายจากการใช้บริการ
ทั้งนี้ ทางสมาคมธนาคารไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรึกษาหารือถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด จนออกเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันในภาคธนาคาร โดยหากลูกค้าคนใดได้รับเช็คที่มีการแก้ไขข้อความ จะไม่สามารถขึ้นเงินกับธนาคารอื่นได้ นอกจากธนาคารผู้ส่งจ่ายเช็คเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.62 เป็นต้นไป และมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อลูกค้า เพราะมีผู้ใช้เช็คแก้ไขข้อความเพียง 3%