xs
xsm
sm
md
lg

เอ็ม.ซี.เอส.สตีล ขาดทุนจากการขายหุ้นที่ซื้อคืน 95 ล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอ็ม.ซี.เอส.สตีล เผยขายหุ้นที่ซื้อคืนทั้งหมด 27 ล้านหุ้น ขาดทุน 95.54 ล้านบาท จากราคาที่ซื้อคืนหุ้นละ 10.67 บาท ขณะขายไปในราคาหุ้นละ 7.17 บาท ผู้บริหารเผยบอร์ดพิจารณาอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน เพื่อหวังนำเงินทุนไปใช้ในการดำเนินธุรกิจและเสริมกระแสเงินสด

นายไพรัตน์ วิวัฒน์บวรวงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS แจ้งว่า บริษัทได้จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน 27 ล้านหุ้น มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 193.65 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่ 7.17 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาทุนที่บริษัทได้ซื้อมารวมทั้งสิ้น 288.19 ล้านบาท และมีราคาเฉลี่ยต่อหุ้นที่ซื้อมา คือ 10.67 บาทต่อหุ้น เป็นผลให้บริษัทขาดทุนจากการซื้อหุ้นคืนในโครงการนี้ประมาณ 95.54 ล้านบาท

โดยการขายหุ้นที่ซื้อคืนดังกล่าวจะทำให้มีเงินสดจากการขายหุ้น เพื่อมาดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจาก ณ วันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดราว 945.69 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีความจำเป็นต้องซื้อโรงงาน และที่ดินของบริษัทย่อยในต่างประเทศ ประมาณ 350 ล้านบาท คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ เพื่อมาสนับสนุนธุรกิจของบริษัทที่ต่างประเทศ รวมถึงบริษัทยังได้รับงานโครงการสนามบิน เฟส 2 (AOT Project) ประมาณ 20,000 ตัน โดยมีกำหนดส่งมอบงานภายในไตรมาส 1/62 ซึ่งงานนี้จะมีผลต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากโครงการนี้จะมีผลขาดทุนรวมถึงการรับเงินที่ล่าช้า โดยในไตรมาส 3/61 ทางบริษัทได้ตั้งสำรองผลขาดทุนบางส่วนที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ 35.285 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน จากการที่บริษัทเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงในปี 60 จำนวน 3 คน ทำให้ลูกค้าขาดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดังนั้น งานที่บริษัทเคยรับไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ลดลงอย่างมาก เนื่องจากเกิดความไม่มั่นใจต่อบริษัทส่งผลให้งานในปี 62 มีจำนวนงานไม่มากพอ ซึ่งมีผลต่อกระแสเงินสดที่ใช้หมุนเวียนในกิจการในปี 62

ดังนั้น คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นจะต้องหาเงินทุนบางส่วน เพื่อมาใช้หมุนเวียนในกิจการ ซึ่งหากขอกู้จากธนาคารพาณิชย์ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยอยู่ที่ MLR ประมาณ 7% ต่อปี คณะกรรมการจึงได้พิจารณาให้จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่การขายหุ้นดังกล่าวอาจจะเกิดผลกระทบกับราคาหุ้นในตลาด เนื่องจากราคาขณะนั้น อยู่ที่ประมาณ 7.35 บาทต่อหุ้น คณะกรรมการจึงมีมติให้ฝ่ายจัดการเข้าไปดำเนินการจำหน่ายหุ้น โดยกำหนดราคาขายไม่ต่ำกว่า 7 บาทต่อหุ้น และหากเห็นว่า ราคาหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญให้ดำเนินการหยุดขายทันที

“คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุดของกิจการ ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนในขณะนั้นแล้ว โดยเงินสดที่จะได้รับจากการขายหุ้นก็ เพื่อมาดำเนินธุรกิจของกิจการ” นายไพรัตน์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น